นายกฯ ตอบทุกประเด็นเรือดำน้ำ-เหมืองทองอัครา ไม่หวั่นม็อบปลดแอก 19 ก.ย.

นายกฯ ตอบทุกประเด็นเรือดำน้ำ-เหมืองทองอัครา ไม่หวั่นม็อบปลดแอก 19 ก.ย.

นายกฯ ตอบทุกประเด็นเรือดำน้ำ-เหมืองทองอัครา ไม่หวั่นม็อบปลดแอก 19 ก.ย.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหม ถึงกรณีที่มีการสั่งชะลอจัดซื้อเรือดำน้ำ จำนวน 2 ลำออกไปก่อนว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 64 ซึ่งเป็นเรื่องที่กองทัพเรือได้ชี้แจงไปแล้วและตนเองได้มอบแนวทางไปแล้วเช่นกัน ซึ่งขอให้รอฟังอีกครั้ง พร้อมมอบหมายให้กองทัพเรือหาแนวทางพูดคุยกับทางการจีน ว่าจะสามารถชะลอการจ่ายเงินไปเป็นปีหน้าได้หรือไม่

นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ยังคงต้องเดินหน้าในการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 เพราะเป็นแผนพัฒนากองทัพ และต้องดูสถานการณ์รอบประเทศว่าเป็นอย่างไร ซึ่งทั้งหมดถือเป็นวิธีการป้องกันประเทศ รวมถึงการฝึกร่วมต่างๆ ซึ่งเราไม่เคยมีเรือดำน้ำใช้ในการฝึกร่วม ทั้งที่เรามีพื้นที่อาณาเขตทางทะเลทั้ง 2 ฝั่ง มากมายมหาศาล โดยเฉพาะเขต 2 ไมค์ทะเลบนน่านน้ำของไทย เราจึงต้องระมัดระวังตรงนี้ ซึ่งทั้งหมดได้มีการชี้แจงหลักการและเหตุผลไปแล้ว

นายกฯ ย้ำ ไม่สามารถโยกงบฯ 3,375 ล้านบาท ไปใช้ส่วนอื่นได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขออย่านำกรณีเรือดำน้ำ ไปเปรียบเทียบกับกรณีอื่น โดยขอให้มองไปข้างหน้า หากช้าเกินไปก็อาจจะไม่ทันเวลา ที่เราจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ ก็เพราะต้องป้องกัน และรักษาทรัพยากรทางทะเล การประมงของเรา

นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า ไม่สามารถโยกงบประมาน 3,375 ล้านบาท ไปใช้จ่ายในส่วนอื่นได้ เพราะเป็นเรื่องของกฎหมายการเงินการคลัง

ส่วนที่รัฐบาลได้ชะลอการจัดซื้อแต่ทางพรรคเพื่อไทยตั้งคำถามว่า นายกรัฐมนตรีครอบงำฝ่ายนิติบัญญัติที่สั่งให้ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนเองมี 2 บทบาท คือ นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้แนวทางไปกับกองทัพเรือ จึงขอให้เข้าใจในบทบาทนี้ อีกทั้งเป็นแผนงานของเหล่าทัพที่เสนอมาตามกรอบวงเงินที่มีอยู่ เป็นไปตามมติของครม. ซึ่งหากมีปัญหากองทัพก็ต้องไปเจรจากับคู่สัญญา ย้ำว่าทุกอย่างต้องดำเนินการตามกติกา ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นปัญหาในทุกปี ก็ไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว

พร้อมถามย้อนกลับว่า “ทำไมไม่คิดว่าอำนาจนิติบัญญัติก้าวล่วงฝ่ายบริหารบ้าง” ขอให้ฟังข้อมูลทั้งสองทาง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เสนอมาใหม่ แต่เป็นเรื่องเดิม ที่มีการอนุมัติไว้แล้วในชั้นต้น จึงต้องไปหารือกับมิตรประเทศ

“บิ๊กตู่” ลั่นไม่เคยได้อะไรจากการเป็นนายกฯ ย้ำทำทุกอย่างเพื่อประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในเวทีสหประชาชาติต่างประเทศมีแต่ชื่นชมไทยเรื่องการแก้ปัญหาโควิด-19 แต่ หากยังใช้วิธีนี้ต่อไปแล้วเศรษฐกิจแย่รัฐบาลก็โดนต่อว่าอีกจึงต้องหาวิธีการให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และย้ำว่ารัฐบาลกลัวว่าโควิด-19 จะกลับมาระบาดและสิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะสูญเปล่า แต่ยืนยันว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรับฟังเสียงทั้งสองฝ่าย เพราะไม่สามารถเห็นตรงกันได้ทั้งหมด โดยเฉพาะปัญหาสำคัญคือโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ยังสามารถติดตามตัวได้ แต่ในทวิตเตอร์ สามารถตามตัวได้ยาก เมื่อมีการสั่งปิดก็สร้างแอคเค้าใหม่ไปเรื่อยๆ ซึ่งกว่าจะปิดต้องใช้เวลานานเพราะต้องรอคำสั่งศาล ฯ ไม่เคยใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายกรัฐมนตรีว่าในช่วงนี้ อ่อนไหวกับปัญหาที่เข้ามาบ้างหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะหวั่นไหวอะไร เพราะตัวเองเตรียมใจตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาแล้วว่าจะเจออะไรบ้าง และย้ำว่าทุกอย่างที่ทำมา เพื่อประชาชนทั้งนั้น ตนไม่เคยได้อะไรจากการเป็นนายกรัฐมนตรีเลย “ผมยืนยัน ขอให้เชื่อมั่นผมเถอะ”

นายกฯ ตอกกลับเพื่อไทย ปมเหมืองทองอัครา

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าในการต่อสู้คดีเมืองทองอัครา ว่าที่ผ่านมารัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอด ส่วนที่พรรคเพื่อไทย ออกมาจี้ว่า ตนเองเคยพูดว่าจะรับผิดชอบในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีระบุว่า เป็นคนละเรื่อง คนละประเด็นกัน พร้อมขอให้ย้อนกลับไปดูว่าปัญหาเกิดจาก ขอร้องเรียนของประชาชนเรื่องสุขภาพและรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยแก้ไข กระทั่งรัฐบาลนี้ต้องเข้ามาแก้ไข ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนอนุญาโตตุลาการ โดยที่ผ่านมามีการเจรจามาโดยตลอด มีทั้งการทำผิดและทำถูกกฎหมาย ทั้งสองฝั่ง แต่ไม่ใช่ตนเองเป็นคนทำเพราะตนเองเป็นคนเข้ามาหยุดปัญหา การกระทำความผิดและหยุดความเดือดร้อนของประชาชน

ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีการถกเถียงเรื่องการใช้อำนาจออกคำสั่งยุติการทำเหมือง เพราะมองว่าหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่านั่นเป็นเรื่องของเมื่อก่อนแต่ตอนนี้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งและต้องแก้ปัญหาทุกอย่าง

พร้อมยืนยันว่า ต้องแก้ไขปัญหาทั้งหมดเหมือนตอนที่แก้ไขปัญหาคดีคลองด่าน เพราะคือหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีแต่หากมีการนำปัญหาทั้งหมดมาพันกัน ก็คงไม่ทำต้องทำอะไรของเก่าก็ไม่ต้องแกะของใหม่ก็ทำไม่ได้ / แล้วประเทศจะไปอย่างไร พร้อมถามว่าอยากอยู่ในประเทศที่มีแต่ความวุ่นวายต่อไปใช่หรือไม่

นายกฯสั่งเพิ่มกำลังปิดทางเข้า-ออกกันต่างด้าวหนีเข้าไทย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีแรงงานต่างด้าวว่ายน้ำข้ามพรมแดนมายังไทย ว่า ได้มีการสั่งการแล้ว โดยมีการเพิ่มกำลังตำรวจทหารสั่งการให้มีการปิดกั้นบริเวณลำน้ำและช่องทางเข้าออกทั้งหมด ซึ่งเราได้มีการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่แล้ว จึงขออย่าสร้างความตื่นตระหนก ยืนยันว่า รัฐบาลดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมด

“นายกรัฐมนตรี” เชื่อเอาอยู่ ปลดเเอกชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย. หาตัวผู้อยู่เบื้องหลัง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มประชาชนปลดแอกที่ประกาศจะยกระดับและมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 กันยายน นี้ ว่า ตนเองยังไม่เห็นว่าจะมีความรุนแรงอย่างไร ซึ่งทุกอย่างมีกฎหมายดูแลอยู่แล้ว และเชื่อว่า หลายคนไม่อยากให้เกิดความรุนแรงขึ้น ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างสงบเรียบร้อยอยู่ในกรอบ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็แล้วแต่

ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเตรียมทางออกอะไรไว้ ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมตั้งเป้าหมายว่าจะมีการยกระดับการชุมนุมนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องดูตามความเหมาะสมว่าควรหรือไม่ คนไทยมี 67 ล้านคน และคนเหล่านี้เป็นใครบ้าง แม้หลายคนออกมาปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องแต่ทุกอย่างต้องว่าไปตามหลักฐาน ที่ปรากฏ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบต่อ พร้อมระบุว่า ที่ตนเองพูดไม่ได้ต้องการข่มขู่ใคร และยืนยันว่ารัฐบาลยินดีรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่าย เพราะที่ผ่านมาได้รับฟังความคิดเห็นจากนักศึกษาทั่วประเทศ เพื่อต้องการเดินหน้า แต่ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการให้ประเทศหยุดอยู่กับที่แล้วจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร

ส่วนการชุมนุมที่ผ่านมาถือว่ายังอยู่ในกรอบที่รัฐบาลควบคุมได้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ผ่านมาก็ทำแบบนั้น ตนไม่จำเป็นต้องสั่งใคร เพราะทุกเรื่องมีหน่วยงานดูแลอยู่แล้ว

ขณะภาพที่ปรากฏผู้ชุมนุมกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน. สำราญราษฎร์ นายกรัฐมนตรี ถามกลับว่า สมควรหรือไม่ และในวันที่ 19 ก.ย. ที่หลายฝ่ายกังวลว่า จะเกิดความรุนแรงขึ้น ต้องทำให้ยุติให้ได้และดูว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง เพราะตนเองพูดมาตลอดว่าอย่าทำให้บ้านเมืองเสียหาย ซึ่งต้องฟังความคิดเห็นคนอื่นด้วย เพราะหากฟังความคิดเห็นด้านเดียวก็จะกดดันรัฐบาลอยู่แบบนี้ พร้อมขอว่า ควรรับฟังทั้งสองฝ่ายเพื่อหาความสมดุล และประเทศชาติก็จะปลอดภัย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook