ทอ.เตรียมทูลเกล้าฯเครื่องบินพระราชพาหนะ 4 ลำ

ทอ.เตรียมทูลเกล้าฯเครื่องบินพระราชพาหนะ 4 ลำ

ทอ.เตรียมทูลเกล้าฯเครื่องบินพระราชพาหนะ 4 ลำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทอ. เตรียมทูลเกล้าฯ เครื่องบินพระราชพาหนะ 4 ลำ เผยรบ.หนุนงบ 3.6 พันล.จัดหา ผบ.ทอ.เผยคัดเลือกเครื่องบิน-นักบิน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด รับตัดงบกองทัพ กระทบการพัฒนาทัพฟ้า อ้อน หากปีหน้าดีขึ้นคงได้งบที่ถูกตัดคืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.09 น. ที่กองทัพอากาศ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา ในกิจกรรม 9 ในดวงใจ จากนั้นได้เป็นประธานในพิธีต้อนรับเครื่องบินพระราชพาหนะแบบ ATR 72-500 ณ ลานจอดอากาศยาน ท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศ โดยในเวลา 09.19 น. เครื่องบินลำดังกล่าวพร้อมนักบิน 8 นาย ได้ร่อนลงที่รันเวย์ทิศเหนือ ในเที่ยวบินแรก ที่ถือเป็นเที่ยวบินนำส่งเครื่องพระราชทาน หลังจากได้มีการส่งมอบจากบริษัทผู้ผลิตของประเทศฝรั่งเศสมาก่อนหน้านี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพอากาศ ได้เสนอโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางจำนวน 4 เครื่อง เพื่อบรรจุเป็นเครื่องบินพระราชพาหนะ 1 เครื่อง เครื่องบินสำรองพระราชพาหนะ 1 เครื่อง และ เครื่องบินสำหรับรับ-ส่ง บุคคลสำคัญหรือ วีไอพี 2 เครื่อง โดยคณะรัฐมนตรีสมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบในหลักการ ดำเนินการจัดซื้อตามระเบียบของทางราชการ และ คณะกรรมการคัดเลือกแบบเห็นชอบในการจัดซื้อเครื่องบินรุ่นดังกล่าวจาก บริษัท AVIONS DE TRANSPORT REGIONAL ประเทศฝรั่งเศสจำนวน 4 เครื่องนี้ พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งภายใน เครื่องมือภาคพื้นอะไหล่ การฝึกอบรมและการสร้างโรงเก็บมาตรฐานจำนวน 2 โรง วงเงินงบประมาณ 3,650 ล้านบาท โดยเครื่องบินทั้งหมด จะเข้าประจำการที่ฝูงบิน 603

พล.อ.อ.อิทธิพร กล่าวว่า สาเหตุที่กองทัพอากาศจัดหาเครื่องบินขนาดกลางเพื่อสนับสนุนภารกิจเครื่องบินพระราชพาหนะ เพราะเครื่องพระราชพาหนะ เครื่องสำรองพระราชพาหนะ ที่ประจำการอยู่ เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ จึงมีข้อขัดข้องในการสนองภารกิจ คือ ไม่สามารถเดินทางไปสนามบินในประเทศที่มีรันเวย์สั้นได้ ซึ่งปัจจุบันกองทัพอากาศแก้ไขปัญหาโดยการใช้ เครื่องบินลำเลียง C-130 เข้าปฏิบัติการทดแทนในบางภารกิจแทน อีกทั้งพระราชกิจของแต่ละพระองค์มากขึ้น

"ปัจจุบันเรามีเครื่องบินพระราชพาหนะ BOEING 737-800 เข้าประจำการตั้งแต่ปี 2549 จำนวน 1 ลำ มีเครื่องบินพระที่นั่งสำรอง AIRBUS 310-300 เข้าประจำการตั้งแต่ปี 2534 จำนวน 1 ลำ และมีเครื่องบินบุคคลสำคัญ AIRBUS -319 CJ อีก 1 ลำ แต่เครื่องบินที่ประจำการอยู่นั้นเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ ไม่สามารถขึ้นลง ในบางสนามบินเป็นสนามค่อนข้างสั้น ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เราจะต้องจัดหาเครื่องบินพระราชพาหนะขนาดกลางที่ขึ้น ลงได้ทุกสนามบิน" พล.อ.อ.อิทธพร กล่าว

พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า กองทัพอากาศได้ส่งนักบินไปทำการฝึกที่ฝรั่งเศส 8 นาย โดยเที่ยวบินแรกนี้มีนักบินของกองทัพอากาศที่ได้เดินทางไปฝึกที่ฝรั่งเศส 4 คน ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้เตรียมพร้อมในการคัดเลือกนักบินไปฝึกเป็นอย่างดี โดยมีการพิจารณาคุณสมบัติพิเศษกว่าบุคคลทั่วไป ดังนั้นนักบินที่ได้รับการคัดเลือกเราจะมี แผนยุทธการ 999 ที่จะคัดเลือก รวมถึงการรักษาความปลอดภัยให้กับพระบรมวงศานุวงษ์ ดังนั้นในการคัดเลือกนักบิน โดยเฉพาะนักบินที่ 1 จะต้องมีชั่วโมงบินอย่างต่ำไม่น้อยกว่า 1.6 พันชม. และต้องมีชั่วโมงบินเฉพาะกับเครื่องบินหลายเครื่องยนต์ หรือ สองเครื่องยนต์ขึ้นไปไม่น้อยกว่า 1 พันชม.

"นักบินจะมีความรู้ความสามารถจริงๆ ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง คิดว่าประมาณ 8-10 เดือนขึ้นไป ถึงจะทำการฝึกนักบิน และเจ้าหน้าที่ให้มีความพร้อม และมีคุณสมบัติที่ครบถ้วนที่จะเป็นนักบินพระราชพาหนะที่ต้องมีความปลอดภัยสูงสุด ขั้นตอนต่อไปคือการฝึกบินให้มีความพร้อมต่อไปก็จะทูลเกล้าฯ ถวาย อีกครั้งหนึ่ง เมื่อเราได้รับครบ 4 เครื่อง คงเพียงพอสนับสนุนภารกิจได้ ซึ่งเมื่อถึงเวลาจัดหาเพิ่มเติมก็ต้องจัดหาต่อไป เพราะอายุเครื่องบินพระที่นั่งมีอายุงาน 15 ปีเท่านั้น เพื่อให้มีความปลอดภัยสูงสุด" ผบ.ทอ.กล่าว

พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า การจัดหาเครื่องบินรุ่นนี้เราของบประมาณจากสำนักนายกรัฐมนตรี ผูกผันงบประมาณ 3 ปีระหว่างปี 50-52 วงเงิน 3,650 ล้านบาท ซึ่งเราได้รับการจัดสรรครบ ไม่ได้มีปัญหาหรือผลกระทบจากการขาดแคลนงบประมาณ แต่เครื่องบินประเภทอื่นเราได้รับผลกระทบเพราะถูกตัดงบประมาณ แต่เครื่องบินพระราชพาหนะเราได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติผ่านพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำ ปี 2553 จะเห็นได้ว่า ภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะงบประมาณต่อจีดีพีถูกตัดลดลงมา 2 แสนล้านบาท ซึ่งในภาพรวมกระทบต่อแผนพัฒนาของทุกเหล่าทัพ โดยเฉพาะกองทัพอากาศถูกปรับลดงบประมาณจากปี 2552 ลงมาถึง 3 พันล้านบาท ดังนั้น โครงการต่างๆ ที่เราต้องจัดหายุทโธปกรณ์แทนต้องเลื่อนออกไปทั้งหมด ซึ่งเราได้นำเรียน นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ให้ทราบถึงเหตุผลความจำเป็น ซึ่งถ้าปีหน้ากรอบงบประมาณของประเทศดีขึ้น เรากคงได้รับการจัดสรรที่เราต้องการ

เมื่อถามว่า ในการฝึกร่วมของกองทัพจะเชิญนายกรัฐมนตรี มาดูความพร้อมหรือไม่ พล.อ.อ.อิทธพร กล่าวว่า ในส่วนความพร้อมเราคงต้องดำเนินการฝึกร่วม และฝึกผสมอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะเชิญท่านนายกรัฐมนตรีมาหรือไม่ คงต้องดูความพร้อม แต่ท่านนายกฯมีภารกิจค่อนข้างมาก แต่ถ้ามีโอกาสและมีความพร้อมถ้าเชิญ ท่านคงจะเดินทางมา

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook