เปิดใจ "น้องอร" กระชากไมค์ทวงความยุติธรรม กังขาตกรอบเวทีนางสาวสมิหลา

เปิดใจ "น้องอร" กระชากไมค์ทวงความยุติธรรม กังขาตกรอบเวทีนางสาวสมิหลา

เปิดใจ "น้องอร" กระชากไมค์ทวงความยุติธรรม กังขาตกรอบเวทีนางสาวสมิหลา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อรพรรณ ณ เชียงใหม่ นำทีมเพื่อนนางงาม แจงเหตุกระชากไมค์ทวงความยุติธรรม ตกรอบประกวดนางงามเวทีนางสาวสมิหลา แบบคาใจ 

วานนี้ (1 ก.ย.) อรพรรณ ณ เชียงใหม่ หรือ น้องอร พร้อมด้วยเพื่อนนางงามที่ตกรอบ ได้เปิดใจผ่านการแพร่ภาพสดของเฟซบุ๊กเพจ คุณมิ้นปร๊ะ รองเท้านางงาม กรณีความวุ่นวายในการประกวดนางสาวสมิหลา 2020 รอบตัดสิน ที่เวทีสระบัว แหลมสมิหลา ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งในช่วงตอบคำถามรอบ 5 คนสุดท้าย อรพรรณ ณ เชียงใหม่ และเพื่อนนางงามที่ตกรอบ บุกขึ้นเวทีเรียกร้องความยุติธรรม หลังพบว่ามีคะแนนนำโด่งแต่ตกรอบอย่างน่ากังขา

สุดท้ายการประกวดปีนี้ไม่มีใครได้ครองตำแหน่งนางสาวสมิหลา 2020 กองประกวดตัดสินใจนำเงินรางวัลทั้งหมด 300,000 บาท หารผู้เข้าประกวดที่ผ่านเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย ให้ทุกคนได้รับเงินคนละ 30,000 บาท

น้องอร อรพรรณ กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องบอกว่าภาพและคลิปที่หลุดออกไปไม่ได้มีเจตนาที่จะสื่อว่าคนที่ผ่านเข้ารอบไปนั้นไม่สมควรหรือไม่เหมาะสม ขอโทษเพื่อนตรงนี้ไว้ก่อน และอยากขอโทษผู้ใหญ่ที่จัดงานทุกท่าน รวมไปถึงพี่ๆ แฟนคลับและพี่เลี้ยงทุกท่านที่ดูในไลฟ์การประกวด

เธอเองไม่ได้มีเจตนาที่อยากจะก้าวร้าวหรือว่าแสดงความรุนแรงออกไปแบบนั้น สิ่งที่ทำลงไปเพียงแค่ต้องการคำอธิบาย และคำชี้แจงจากกองประกวดในเรื่องผลคะแนนที่พวกเธอตกรอบไป แต่สิ่งที่หลุดออกไปภาพและคลิปอาจดูว่าพวกเธอรุนแรง เกิดจากการที่เธอไม่ได้รับคำตอบ และคำอธิบายที่สมเหตุสมผล

“ตอนแรกหนูพูดเฉยๆ แล้วทางผู้ใหญ่ไม่ได้ยิน ก็เลยต้องตะโกนทำให้ดูไม่ดี และมีจังหวะหนึ่งที่หนูได้มีโอกาสพูดผ่านไมค์แต่ว่ายังพูดไม่จบทางกองประกวดตัดไมค์ไป ก็เลยพูดด้วยเสียงของหนูเอง และอยากให้ทุกคนตรงนั้นได้ยินก็เลยตะเบ็งเสียงออกไป ทำให้ดูเหมือนมีอาการรุนแรงใส่ผู้ใหญ่ทุกท่าน ก็อยากจะขอโทษ ณ ที่นี้ด้วย หนูไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายงานนางสาวสมิหลาหรือว่าทำลายงานประกวด หรือว่ามีเจตนาอยากจะให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้”

ด้าน พี่เลี้ยงนางงาม พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ขออธิบายในบทบาทของแม่นางงาม สำหรับการประกวดในคืนนี้ (31 ส.ค.) เราจะไม่มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่ได้ทำ หรือไม่ได้ทำอะไรจากใคร แต่ว่าในเวลานั้นคนทุกคนย่อมมีอารมณ์ และมีเหตุผลในตัวเองที่หาคำชี้แจงไม่ได้เลยจากใครสักคนหนึ่ง

ตนรู้ดีว่าการประกวดทุกๆ เวที เราต้องรู้แพ้รู้ชนะ ไปประกวดมาแทบจะทั่วประเทศไม่ใช่ไม่เคยพาน้องๆ ไปตกรอบ ก็ยินดีกับสิ่งที่ได้รับมาตลอด แต่สำหรับในครั้งนี้มันสุดๆ จริงๆ กับความรู้สึกนั้น ก่อนประกวดได้ยินข่าวสารได้ยินสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งก็ได้มีการป้องกัน แต่เมื่อถึงหน้างานจริงๆ รู้ว่าบริบทของงานเขาต้องการอะไร เขาต้องการคนเก่ง ต้องการคนสวย พวกเราจึงนำคนสวยมาพยายามฝึกปรือเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ

“พอถึงเวลาจริงๆ แล้ว ผลออกมาแบบนั้น จึงมีความรู้สึกว่าสิ่งที่เด็กต่อสู้มามันเป็นแบบนี้เหรอ ใครชี้แจงกับเขาได้บ้าง นอกเหนือจากนั้นมันคือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เด็กหนึ่งคนต้องรับผิดชอบไม่ต่ำกว่า 5-7 พันบาท ในการมา ซึ่งพี่เลี้ยงทุกคนที่มากันในหลายที่เขามีค่าใช้จ่ายกันหมดเลย

และคนกลุ่มนี้ไม่ได้มีเงินทองที่จะมานั่งไว้รองรับเพราะความสนุกสนานอย่างเดียวเขามีการลงทุน เพราะฉะนั้นเราเลยเกิดอารมณ์ในการอยากจะหาข้อมูลว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กกลุ่มนี้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เขาไม่สวยเหรอ เขาผิดพลาดตรงไหน ครั้งต่อไปจะได้ปรับปรุงตัวเองได้”

พี่เลี้ยงนางงามคนเดียวกัน กล่าวอีกว่า อยากจะขอบอกว่า อย่ารู้สึกว่าน้องๆ กลุ่มนี้เป็นโจร คอยมาปล้นเพื่อเอาตำแหน่ง ในวันนี้เข้าตกรอบก็พร้อมที่จะกลับบ้าน แต่ตกรอบแบบไม่รู้สาเหตุมันคือความเหนื่อย ผลกระทบที่ตามมาคือความเสียหาย

ทั้งหมดทั้งมวลยอมรับว่าเกิดขึ้นจากอารมณ์ แต่ตรงนี้ขอย้อนรอยไปว่าเป็นพี่เลี้ยงนางงามมา 20 กว่าปี ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง ขอโทษคณะกรรมการที่อาจจะต้องการจัดงานให้โปร่งใสจริงๆ แต่อาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดซึ่งกันละกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook