รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมส่งชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วให้ผู้นำโลก

รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมส่งชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วให้ผู้นำโลก

รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมส่งชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วให้ผู้นำโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมจัดส่งชุดตรวจการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ได้ผลแบบรวดเร็ว ให้กับผู้นำประเทศทั่วโลก ขณะที่ องค์การอนามัยโลก เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดที่ชี้ว่า การระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบสาธารณสุขทั่วโลก และผู้มีรายได้น้อยและปานกลางคือผู้ที่เดือดร้อนมากที่สุด

รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า ชุดตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็วที่จะส่งไปให้ผู้นำทั่วโลกในเร็วๆ นี้ เป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งซื้ออุปกรณ์นี้จากบริษัทยา แอ็บบ็อตต์ (Abbot Laboratories) เมื่อเดือนที่แล้ว ตามแผนงานสนับสนุนมาตรการเปิดสิ่งที่เรียกว่าเป็น “โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ” ของสหรัฐฯ

รัฐบาลสหรัฐฯ ลงทุนเงินจำนวน 750 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อชุดตรวจดังกล่าวทั้งหมด 150 ล้านชุด จากบริษัท แอ็บบ็อตต์ ซึ่งเปิดเผยว่า กำลังเร่งเครื่องทำการผลิตและตั้งเป้าว่าจะผลิตได้กว่า 50 ล้านชุดต่อเดือนภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในเวลานี้

องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA อนุมัติการใช้ชุดตรวจที่ได้ผลอย่างรวดเร็วนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่กระบวนการตรวจใช้เวลาเพียง 15 นาที และผลตรวจที่ได้มีความแม่นยำราว 97 เปอร์เซ็นต์ โดยชุดตรวจนี้มีราคาเพียง 5 ดอลลาร์ ทั้งยังใช้งานง่าย

รายงานข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวว่า ในเวลานี้ แผนงานช่วยให้โรงเรียนและศูนย์ดูแลเด็กเล็กทั่วประเทศเปิดการเรียนการสอนและการให้บริการ รวมทั้งการส่งชุดตรวจการติดเชื้อให้กับหน่วยงานปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้น และประชากรกลุ่มเสี่ยงต่างๆ คือภารกิจสำคัญที่สุด

ขณะเดียวกัน มีรายงานการศึกษาจากองค์การอนามัยโลก ที่ส่งแบบสอบถามไปยัง 105 ประเทศ และพบว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของประเทศผู้ตอบแบบสอบถาม ยืนยันว่า การให้บริการด้านสาธารณสุขที่สำคัญๆ อย่างน้อย 1 ใน 25 รายการของตนได้รับผลกระทบบางส่วนหรือทั้งหมด จากการระบาดของโควิด-19 ขณะที่ กว่าครึ่งรายงานว่า มีปัญหาการให้บริการด้านการวินิจฉัยและบำบัดโรคมะเร็ง

นอกจากนั้น เกือบครึ่งหนึ่งของประเทศที่ตอบแบบสอบถามยืนยันว่า โครงการเกี่ยวกับโรคมาลาเรีย ได้รับผลกระทบจากวิกฤตินี้ และกว่า 2 ใน 5 บอกว่า มีปัญหาเกี่ยวกับโครงการรักษาวัณโรค ส่วน 1 ใน 3 รายงานผลกระทบจากการระบาดต่อโครงการรักษา HIV แล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook