ลูกสาวแฝดนายกฯ แจง 10 ข้อ #ความจริงลูกประยุทธ์ ลั่นเอาผิดถึงที่สุดจากถูกหมิ่นประมาท
บุตรสาวนายกฯ แจงความสงสัยชาวเน็ต 10 ข้อ พร้อมมอบทนายแจ้งความดำเนินคดี ฟ้องคนหมื่นประมาทในโซเชียล แฮชแท็กตามหาลูกประยุทธ์ 100 ราย ลั่นเอาผิดถึงที่สุดไม่มียอมความ
อภิวัฒน์ ขันทอง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก ธัญญา-นิฏฐา จันทร์โอชา บุตรสาวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล และสื่อต่างๆ จำนวนกว่า 100 ราย ที่นำข้อความลงในสื่อโซเชียลกล่าวหาให้ร้ายผ่านแฮชแท็ก #ตามหาลูกประยุทธ์ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทั้งสองคน
โดยข้อมูลที่นำมาแชร์ในทวิตเตอร์ และมีนักการเมืองบางคนนำมาแชร์ในเฟซบุ๊กปั่นกระแสขึ้นมา รวมถึงคนที่หลงเชื่อขาดสติ นำมาโพสต์แชร์และแสดงความคิดเห็นที่เสียหายถูกดำเนินคดีทั้งหมด แต่ไม่ทราบว่าจะมีตัวตนจริงสักกี่คน จึงต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของตำรวจว่าจะตรวจสอบความเชื่อมโยงได้อย่างไร
ส่วนจะมีความเกี่ยวข้องกับ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หรือไม่นั้น เป็นการพิจารณาของพนักงานสอบสวนว่าจะถึงใครบ้าง บางคนอาจจะเป็นตัวการร่วมรับข้อมูลจากทวิตเตอร์มาปั่นกระแสให้คนแสดงความคิดเห็น หรือนำไปแชร์ให้เกิดความเสียหาย ส่วนจะเป็นใครขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของพนักงานสอบสวน
สำหรับการแจ้งความในครั้งนี้นั้น ดำเนินคดีในข้อคดีหมิ่นประมาท เช่นกรณีที่ระบุว่า บุตรสาวทั้งสองของนายกรัฐมนตรีมีการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล เพื่อหลบหนีไปต่างประเทศ มีการฟอกเงิน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การแจ้งความดังกล่าว นายกรัฐมนตรีไม่ได้มีการกำชับอะไร เพราะเป็นการมาแจ้งความในฐานะตัวแทนของบุตรสาวทั้งสองคน
อภิวัฒน์ ยังระบุว่า เป็นเรื่องร้ายแรงหากถูกกล่าวหาทุจริตโกงเงินประเทศ ทั้งที่ไม่มีมูลความจริง ที่ผ่านมาบุตรสาว พล.อ.ประยุทธ์ พยายามอดทนอดกลั้น ไม่อยากยุ่งเกี่ยวเรื่องการเมือง แต่กรณีนี้มีการพาดพิงใส่ร้ายอย่างร้ายแรงสร้างความเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูล โดยบุตรสาวนายกรัฐมนตรียืนยันให้ดำเนินคดีถึงที่สุดให้เป็นบรรทัดฐาน ในกรณีที่เคยมีกรณีจำนวนมากที่พอด่าว่า ใส่ร้ายป้ายสีแล้ว มาขอขมากราบกราน ขอให้ไปว่ากันที่ศาลจะตัดสินอย่างไร และคงไม่จำเป็นต้องออกมาปรากฏตัวเพื่อแถลงข่าว เนื่องจากได้มอบอำนาจให้กับทนายความเพื่อมาดำเนินคดีแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวถึงการดำเนินคดีว่า ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานว่าจะสืบไปถึงใคร แต่เรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน จึงต้องมีการตั้งคณะทำงานดำเนินการสอบสวน เพื่อความรอบคอบ เนื่องจากมีหลักฐานค่อนข้างมาก ยืนยันไม่กดดันกับการแจ้งความครั้งนี้ในฐานะลูกนายกรัฐมนตรี แต่เป็นผู้เสียหาย และตนเพิ่งทราบว่าเป็นลูกนายกรัฐมนตรี ส่วนใครที่เป็นคนผิดต้องดูพยานหลักฐานว่าไปถึงใคร อาจจะถึง 100 คน หรือเกิน 100 คน
สำหรับการติดตามแอคเคาต์ต่างๆ นั้น ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความทันสมัยขึ้น สามารถจะติดตามตัวไปถึงได้ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน่วยงานที่มีความรู้ความชำนาญจึงต้องขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยในการสืบสวน
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องของเขาถือว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็เป็นสิทธิของเขา จะปกป้องชื่อเสียงก็เป็นเรื่องของเขา ตนก็ฟังคนรุ่นใหม่
ตอบโต้ 10 ข้อกล่าวหา
ธัญญา จันทร์โอชา และ นิฏฐา จันทร์โอชา ได้ออกเอกสารคำชี้แจง 3 หน้ากระดาษ ว่า
จากข้อกล่าวหาใน Social Media #ตามหาลูกประยุทธ์ ที่เป็นกระแสสังคมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าพเจ้า นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา ประสงค์ดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคล คณะบุคคล นิติบุคคล หรือสื่อใดๆ ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ข้าพเจ้าทั้งสอง เช่นการกล่าวหาว่า ข้าพเจ้าทั้งสอง เปลี่ยนนามสกุล, อาศัยอย่างสุขสบายอยู่ในคฤหาสน์ต่างประเทศ, เป็นเส้นทางฟอกเงินของบิดาและอื่นๆ โดยปราศจากหลักฐานและไม่มีมูลความจริงเช่นนี้ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวข้าพเจ้าทั้งสองและวงศ์ตระกูล ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง
ข้าพเจ้าทั้งสอง ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการงานของบิดา ไม่เคยแสดงความคิดเห็นใดๆ ทางการเมือง วันนี้ข้าพเจ้าทั้งสอง จำเป็นต้องปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี สิทธิของตนเองและวงศ์ตระกูล ข้าพเจ้าทั้งสองขอเรียนชี้แจง ในประเด็นข้อกล่าวหาต่างๆ ซึ่งเป็นความเท็จทั้งสิ้น ดังนี้
ข้อ 1 กล่าวหาว่า : มีการเปลี่ยนมาใช้นามสกุลมารดา เพื่อทำเรื่องผิดกฎหมายต่างๆ เช่น ฟอกเงิน ขอวีซ่าเพื่อหนีไปอยู่ต่างประเทศ ฯลฯ
ข้อเท็จจริง : ไม่เคยมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลใดๆ ยังคงใช้ชื่อ ธัญญา จันทร์โอชา และ นิฏฐา จันทร์โอชา ตั้งแต่กำเนิดจนถึงปัจจุบัน
ข้อ 2 กล่าวหาว่า : ไม่ได้อยู่ประเทศไทย
ข้อเท็จจริง : อยู่ประเทศไทยมาโดยตลอด ใช้ชีวิตปกติอย่างประชาชนคนไทยทั่วไป
ข้อ 3 กล่าวหาว่า : เรียนอยู่ประเทศออสเตรเลีย
ข้อเท็จจริง : ไม่เคยเรียนที่ประเทศออสเตรเลีย เคยเดินทางไปท่องเที่ยวเพียงครั้งเดียว เมื่อวัยเด็ก
ข้อ 4 กล่าวหาว่า : เรียนอยู่ต่างประเทศ
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสอง เรียนจบชั้นประถมและมัธยม จาก โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ เรียนจบปริญญาตรี จาก คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เท่านั้น
ข้อ 5 กล่าวหาว่า : สอบตกปริญญาโท อธิการบดีถูกกดดันให้รับเข้าเรียน
ข้อเท็จจริง : ไม่ได้เรียนปริญญาโท และ ไม่เคยสอบตก เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 และ 3.96 และ เรียนจบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2 ทั้งคู่
ข้อ 6 กล่าวหาว่า : ปัจจุบันใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ประเทศอังกฤษ โดยมีเจ้าสัวซื้อให้
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองใช้ชีวิตตามปกติในประเทศไทย ไม่เคยพำนักอาศัยในประเทศอังกฤษหรือประเทศอื่นใดเป็นระยะเวลานาน ไม่เคยพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใดๆ ข้าพเจ้าทั้งสองได้เดินทางไปเที่ยวประเทศอังกฤษครั้งล่าสุดในปี พ.ศ.2558 ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว โดยเข้าพักโรงแรมตามปกติ ในการนี้ ข้าพเจ้าทั้งสองได้มอบหลักฐานการเดินทางเข้าออกประเทศไทย ให้กับพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว
ข้อ 7 กล่าวหาว่า : มีการซุกเงิน ฟอกเงิน โดยบิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกที่ต่างประเทศ
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองไม่มีบัญชีธนาคารที่ต่างประเทศ มีเพียงบัญชีธนาคารในประเทศไทยเท่านั้น
ข้อ 8 กล่าวหาว่า : บิดาโอนเงินเข้าบัญชีลูกทั้งสองคนเพื่อฟอกเงิน
ข้อเท็จจริง : บิดาโอนเงินให้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือ ความลับใดๆ บิดาเป็นผู้ชี้แจงเองและแจกแจงที่มาที่ไปของเงินอย่างชัดเจนในการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.อย่างเปิดเผย ตั้งแต่เมื่อครั้งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ. 2557 และยังปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทั่วไปหลายครั้งแล้ว โดยเงินส่วนนี้มีที่มาจากการขายที่ดินของ พันเอก ประพัฒน์ จันทร์โอชา (คุณปู่) และมีการแบ่งทรัพย์สินภายในครอบครัว ซึ่งที่ดินผืนนี้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัวมามากกว่า 50 ปี
ข้อ 9 กล่าวหาว่า : ทำไมไม่เคยมีภาพหลุดออกมาใน Social Media ใดๆ เลย แม้กระทั่งของเพื่อนยังไม่มีภาพ
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองไม่มีบัญชีส่วนตัวใน Social Media ใดๆ และ กลุ่มเพื่อนที่ติดต่อกันก็เข้าใจในสิทธิความเป็นส่วนตัวจึงไม่เคยแชร์ภาพใดๆ และไม่ต้องการให้มีบุคคลใดนำภาพไปแอบอ้างใช้หาประโยชน์
ข้อ 10 กล่าวหาว่า : ไม่เปิดเผยตัวเหมือนลูกนักการเมือง หรือ ลูกนายกฯ คนอื่นๆ
ข้อเท็จจริง : ข้าพเจ้าทั้งสองใช้ชีวิตปกติเหมือนประชาชนคนไทยทั่วไป ไม่ได้ต้องการเป็นที่รู้จักหรือเปิดเผยตัวว่าเป็นลูกใคร เพราะ ไม่ต้องการได้รับอภิสิทธิ์หรือเพื่อรับผลประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งของบิดา หากมีใครแอบอ้างว่ารู้จัก สามารถช่วยเหลือเพื่อรับผลประโยชน์ต่างๆ ได้ เป็นเรื่องเท็จทั้งหมด
ข้าพเจ้า นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา ต้องการใช้สิทธิทางกฎหมายโดยการฟ้องดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด กับผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ทั้งหมด ทั้งผู้ที่โพสต์และแชร์ ในทุกช่องทาง Social Media ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter, Youtube ฯลฯ รวมถึงสื่อ หรือ พื้นที่สาธารณะอื่นๆ โดยไม่มีการยอมความใดๆ ทั้งสิ้น
ข้าพเจ้าทั้งสองประสงค์ให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่างและบรรทัดฐานของการใช้ Social Media ในประเทศไทยว่า ผู้ใดก็ตาม ไม่มีสิทธิเผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ผู้อื่น โดยปราศจากหลักฐาน และในขณะเดียวกันก็ไม่ควรมีผู้ใดตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง จากการหลงเชื่อข้อมูลโดยขาดการไตร่ตรอง คิดวิเคราะห์แยกแยะ เพียงเพราะความอคติ และ ความเกลียดชัง อีกต่อไป
หากผู้ใดมีหลักฐานการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ, ด่าทอให้ร้าย, กล่าวหา, คุกคาม, หมิ่นประมาท ที่เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าทั้งสองเพิ่มเติม ขอความร่วมมือส่งข้อมูลมาที่ทนายความของข้าพเจ้าทั้งสอง ทางอีเมล law.one555@gmail.com เพื่อรวบรวมและดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
นางสาวธัญญา จันทร์โอชา และ นางสาวนิฏฐา จันทร์โอชา
2 กันยายน 2563
#ความจริงลูกประยุทธ์