เจ้าของห้องขอพูดบ้าง ดราม่าทวงหนี้จน รปภ.ผูกคอตาย แฉมีเงินก๊งเหล้าแต่ค่าเช่าไม่จ่าย

เจ้าของห้องขอพูดบ้าง ดราม่าทวงหนี้จน รปภ.ผูกคอตาย แฉมีเงินก๊งเหล้าแต่ค่าเช่าไม่จ่าย

เจ้าของห้องขอพูดบ้าง ดราม่าทวงหนี้จน รปภ.ผูกคอตาย แฉมีเงินก๊งเหล้าแต่ค่าเช่าไม่จ่าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่มีเงินค่าเช่า แต่มีเงินก๊งเหล้าทุกวัน! เจ้าของห้องพ้อทำคุณบูชาโทษ ค้างค่าเช่า 3 เดือน ถามใครลำบากกว่ากัน

(2 ก.ย.63) เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.กัญญารัตน์ อายุ 53 ปี เจ้าของห้องเช่าในพื้นที่ ม.1 ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมทั้งต่อว่าสื่อมวลชนที่ได้มีการนำเสนอข่าว เกี่ยวกับกรณี รปภ.หนุ่มวัย 48 ปี  ผูกคอเสียชีวิตติดกำแพงรั้วห้องเช่าของตน ก่อนที่ทางฝ่ายของภรรยาของผู้เสียชีวิตจะออกมาให้ข่าวแต่เพียงฝ่ายเดียว 

ในลักษณะของการโยนความผิดมาให้แก่ตน ที่ไปยึดรถ จยย.ของผู้ตายไว้ จากการค้างค่าเช่าห้องนานถึงกว่า 3 เดือน ว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจนทำให้ตนเองเสียหาย และสื่อควรจะทำหน้าที่ในการนำเสนอข้อเท็จจริงจากทั้งสองด้าน โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นนี้ตนเองนั้นเป็นผู้ได้รับความเสียหาย แล้วใครจะกล้าเข้ามาเช่าห้องพักของตนอีก ทั้งที่ตนเองนั้นต้องกู้เงินมาปลูกสร้างห้องเช่า ที่มีวงเงินสูงถึงกว่า 3 ล้านบาท

แต่กลับไม่สามารถที่จะเก็บเงินค่าเช่าจากผู้เช่าได้ โดยปัจจุบันตนยังคงมีภาระหนี้สินต้องส่งคืนทั้งต้นและดอกสูงถึงเดือนละ 4 หมื่นบาท อย่างนี้ใครลำบากว่ากัน

ขณะที่ รปภ.ผู้เช่ารายนี้ พร้อมภรรยา ได้เข้ามาเช่าอยู่ที่ห้องพักของตนเมื่อประมาณเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ครั้งแรกเห็นเขาเคยไปทำงานอยู่ในโรงงานทางแถบย่านถนนสาย รพช.เดิม (ซอยซันโย) แต่ได้ถูกให้ออกจากงานโดยทราบว่ามีสาเหตุมาจากที่เขาติดสุราเรื้อรัง เมื่อกว่า 6 เดือนก่อนเกิดสถานการณ์โควิด 19 ระบาด จนทำให้ตกงาน จากนั้นเขาจึงได้ไปทำงานเป็น รปภ.แจกบัตรรถเข้าห้างฯ ให้แก่ผู้มาจับจ่ายสินค้าภายในห้างค้าส่งสินค้าแห่งหนึ่งในตำบลวังตะเคียนแห่งนี้ แต่ไปทำได้เพียงไม่กี่วันก็ถูกให้ออกจากงานอีก

ขณะเดียวกัน ในขณะที่ตนเข้ามาดูแลทำความสะอาดห้องเช่าในวันหยุด หลังว่างจากงานประจำยังได้ยินทางฝ่ายของภรรยาของเขาไล่ให้ทางฝ่ายสามีไปให้พ้นจากชีวิตเขาอีกด้วย และเมื่อตนสอบถามทางฝ่ายภรรยาได้ยอมรับว่ามีการทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ เพราะทางฝ่ายสามีไม่ยอมไปหางานทำ จึงได้ไล่ให้ไปขายของยังที่บริเวณตลาดนัดหน้าปากทางเข้าวัดบางสาย แต่ทราบว่าเขาไปบ้างไม่ไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ไป โดยตนพร้อมพี่สาวผู้ดูแลห้องเช่า เห็นเขาเอาแต่นั่งดื่มเหล้าขาวอยู่ที่หน้าห้องเป็นประจำ

แต่กลับถูกนำมากล่าวอ้างว่าเป็นเพราะตนเองที่ไปยึดรถ จยย.ของทางฝ่ายสามีเขาไปแทนค่าเช่าห้องที่ค้างชำระจำนวน 3 เดือน เป็นเงิน 10,378 บาท และต้องเดินไปขายของไกลถึงวันละ 30 กม. ซึ่งข้อเท็จจริงทางฝ่ายเขาก็ยังมีรถยนต์เก๋งของภรรยาเขาอยู่ ซึ่งทำงานอยู่ในโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งในบริเวณนี้ ที่สามารถนำไปใช้ขายของได้ แต่เหตุใดเขาจึงไม่ทำ อีกทั้งรถยนต์ยังสามารถบรรทุกใส่ของไปขายได้มากกว่า แต่กลับขับไปจอดทิ้งไว้เฉยๆ ในโรงงานตลอดทั้งวัน

โดยที่ในตอนเช้าทางฝ่ายสามีน่าจะขับรถยนต์ไปส่งให้ทางฝ่ายภรรยาไปทำงานได้ และในตอนเย็นก็ยังสามารถขับไปรับกลับที่พักได้ เพราะพื้นที่ไม่ได้อยู่ห่างไกลกันเลย โดยตลาดนัดปากทางเข้าวัดบางสายอยู่ห่างจากที่พักเพียงแค่ 5 กม. เท่านั้น ข้อมูลที่ถูกนำเสนอข่าวผ่านทางสื่อไปจึงไม่เป็นความจริง จึงเป็นการที่ตนทำคุณยินยอมเอื้อเฟื้อให้แก่เขาอยู่กันไปก่อนไม่ขึ้น ทั้งที่ไม่จ่ายค่าเช่ามาเป็นเวลานานถึงกว่า 3 เดือน

แต่กลับได้รับการกล่าวโทษให้ร้ายว่าเราเป็นฝ่ายผิด ทั้งที่ผ่านมาเขาได้เคยรับปากกับเราหลายครั้งว่าจะจ่ายให้แต่ก็ยังไม่จ่าย จึงขาดความน่าเชื่อถือ ในขณะที่ทางฝ่ายของภรรยาเขาก็ยังมีงานทำ มีเงินเดือนอยู่ มีรถเก๋งขับแต่ก็ไม่ยอมจ่าย โดยโยนให้ตนไปทวงเอาค่าเช่ากับทางฝ่ายของผู้เป็นสามีของเขาเอง เหมือนกับจะใช้เราเป็นเครื่องมือ ให้ไปกดดันทางฝ่ายสามีเขา เพราะเขาอยากจะเลิกราแยกทางกัน และขับไล่กันให้ไปให้พ้นจากชีวิตอยู่ก่อนแล้ว จึงอยากถามกลับไปว่า อย่างนี้ใครเดือดร้อนมากกว่ากัน เพราะตนเองก็ยังมีปัญหาในเรื่องหนี้สินอยู่ด้วย น.ส.กัญญารัตน์ กล่าว

                                                                               

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook