มาร์คมัวนั่งเครื่อง ยังไม่เห็นหนังสือลาออกพัชรวาท

มาร์คมัวนั่งเครื่อง ยังไม่เห็นหนังสือลาออกพัชรวาท

มาร์คมัวนั่งเครื่อง ยังไม่เห็นหนังสือลาออกพัชรวาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธยังไม่ได้รับหนังสือลาออกจากตำแหน่งของพล.ต.อ.พัชรวาท เพราะอยู่บนเครื่องบิน

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ยื่นหนังสือส่งถึงนายกรัฐมนตรี ขอลาออกจากตำแหน่ง หลังจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้พล.ต.อ.พัชรวาท มาช่วยราชการทำเนียบฯ และให้พล.ต.อ.ธานีสมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. เป็นผู้ปฏิบัติราชการแทน

อย่างไรก็ตาม ในเวลา 23.00 น. ที่ขสทบ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธยังไม่ได้รับหนังสือลาออกจากตำแหน่งของพล.ต.อ.พัชรวาท โดยให้เหตุผลว่า เพราะอยู่บนเครื่องบิน

เมื่อถามว่าการลาออกจะมีผลทันทีตามที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ระบุหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เป็นไปตามระเบียบราชการ เมื่อถามว่า จะมีผลกระทบต่อการทำงานของตำรวจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี ตอนนี้ พล.ต.อ.ธานี รักษาการอยู่

ความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น หลังจากนายอภิสิทธิ์หารือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ห้องทำงาน ตึกไทยคู่ฟ้า ถึงตำแหน่งผบ.ตร. นานกว่า 1 ชั่วโมง 25 นาที จากนั้น นายอภิสิทธิ์มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 200/2552 เรื่อง ให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และมาตรา 72 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งดังต่อไปนี้

ให้ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน และให้พลตำรวจเอก ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 9 กันยายน 2552 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ บช.น. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. แถลงกรณี ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด แก่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น.

พล.ต.ต.สุรพล นำประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาอ่าน มีใจความสรุปว่า ตามที่คณะกรรมการ ปปช.แถลงข่าวชี้มูลความผิดทางวินัย และอาญาอย่างร้ายแรง ต่อพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชา การตำรวจนครบาล พล.ต.อ.พัชรวาทเห็นว่าข่าวดังกล่าวอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในอันที่จะได้รับการบริการในการรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ตลอดจนการได้รับการปกป้องในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และอาจสร้างความสับสนอันกระทบต่อการตัดสินใจในการพิจารณาสั่งการให้เป็นไปตามกฎหมายของผู้บังคับบัญชาแต่ละลำดับชั้นตลอดจนขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจหน้าที่ของเพื่อนข้าราชการตำรวจในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องที่จะเกิดจากชุมนุมเรียกร้องในเรื่องต่างๆของพี่น้องประชาชน

จึงขอประกาศให้พี่น้องประชาชนตลอดจนเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกนายทราบว่า

1. พี่น้องประชาชนย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ

2.เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายมีหน้าที่ต้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของพี่น้องประชาชนให้พ้นจากการล่วงละเมิด และต้องอำนวยความยุติธรรมแก่พี่น้องประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน

3.เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายต้องดูแลให้มีการปฏิบัติและบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างถูกต้อง รวดเร็วเป็นธรรม และทั่วถึง

4. เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ในการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายโดยการกระทำพอสมควรแก่เหตุ ในอันที่จะต้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนและสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึงซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย

5. ขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนมั่นใจว่า "ข้าราชการตำรวจทุกนายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ" จะยืนหยัดปฏิบัติภารกิจหน้าที่ตามกฎหมาย ในอันที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ตลอดจนรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และปฏิบัติการให้เป็นไปตามกฎหมายตลอดไป โดยไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบากที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ทางการเมืองใดๆในปัจจุบัน

6. ขอให้เพื่อนข้าราชการตำรวจทุกนายเข้าใจว่าการชี้มูลของคณะกรรมการ ปปช.ตามที่ได้แถลงข่าวเป็นการดำเนินการของคณะกรรมการในองค์กรอิสระ ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ จึงขอให้เพื่อนข้าราชการตำรวจทุกนายมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายต่อไป ในส่วนของพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้ถูกชี้มูลการกระทำความผิดจะต่อสู้คดีตามแนวทางของกฎหมายและระเบียบแบบแผนที่มีอยู่ เพื่อยืนยันว่าในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้รักษากฎหมายนั้นได้ดำเนินการไปตามรัฐธรรมนูญตลอดจนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ และเชื่อว่าพยานหลักฐานที่ส่งมอบให้คณะกรรมการ ปปช.เพิ่มเติมจะเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ทำให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคนปฏิบัติภารกิจหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมายที่กำหนด

7. สำหรับการดำเนินคดีของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งกระทำผิดกฎหมายเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นั้น พลตำรวจเอกพัชรวาทฯให้นำเรียนเพิ่มเติมว่าเป็นกรณีเดียวกันกับเรื่องที่คณะกรรมการ ปปช.แถลงข่าวการชี้มูลกรณีการสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ดังกล่าวข้างต้น

แต่ในการพิจารณาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมิได้พิจารณาเฉพาะกรณีของเหตุการณ์ในการชุมนุมที่เกิดขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 แต่ได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ยืนยันพฤติการณ์การกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมมาตั้งแต่การเริ่มชุมนุมเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ว่าการชุมนุมของกลุ่ม ผู้ชุมนุมมิได้เป็นการชุมนุมที่สงบและปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด โดยก่อนหน้าวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ได้มีการยึดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งทำเนียบรัฐบาลและยังมีการกระทำในหลายประการตลอดระยะเวลาการชุมนุมที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งการกระทำที่ผิดกฎหมายต่างๆได้กระทำอย่างต่อเนื่องตลอดมาจนถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จึงมีการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดตามสำนวนการสอบสวนคดีอาญา สถานีตำรวจนครบาลดุสิตที่ 395/2551 ในความผิดฐาน "ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ(ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 มาตรา 215 และมาตรา 309

ในการสอบสวนมีการสอบสวนผู้กล่าวหาถึง 31 คนซึ่งรวมทั้งพลตำรวจโทสุชาติ เหมือนแก้ว ที่เป็นผู้กล่าวหาในคดีแต่ถูกชี้มูลว่ากระทำความผิดทั้งทางอาญาและทางวินัยด้วย นอกจากนี้พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานทางนิติวิทยาศาสตร์อีกเป็นจำนวนมาก คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะผู้สั่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนพิจารณาสั่งคดีเสนอพนักงานอัยการพิจารณา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะพิจารณาสำนวนการสอบสวนนี้โดยให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายตามหลักนิติธรรม และยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมายในมาตรฐานเดียวกันมาโดยตลอด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook