จี้วัดพระบาทเลิก โชว์ศพป่วยเอดส์!
มูลนิธิคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ฯ โวยวัดพระบาทน้ำพุ นำศพคนตายจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ชีวิต ลุยยื่นหนังสือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ให้ตรวจสอบ ชี้ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน เพราะไม่มีเสื้อผ้าปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว ระบุเป็นการประจานมากกว่าจัดแสดงเป็นอุทาหรณ์ จี้นำศพไปทำพิธีทางศาสนาทันทีหลังเสียชีวิต
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 ก.ย.ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์และองค์กรเครือข่าย นำโดยน.ส.สุภัทรา นาคะผิว ผอ.มูลนิธิ เข้ายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินการยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนกรณีพิพิธภัณฑ์ชีวิตของวัดพระบาทน้ำพุโดยด่วนที่สุด เนื่องจากพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวนำศพผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ที่ไปรับบริการที่วัดพระบาทน้ำพุมาจัดแสดง พร้อมเขียนประวัติว่าเคยประกอบอาชีพอะไรหรือใช้ชีวิตแบบใดจึงติดเชื้อ อาทิ ขายบริการหรือใช้ยาเสพติด เป็นต้น และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม โดยอ้างว่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้ผู้คนเกรงกลัวต่อโรคเอดส์ และผู้เสียชีวิตทำหนังสือแสดงความยินยอมให้นำศพไปใช้เพื่อการศึกษา
ผู้ร้องมองว่า การกระทำเช่นนี้เป็นการขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน แม้ว่าผู้ป่วยจะทำหนังสือยินยอมแล้วก็ตาม แต่ผู้รับบริจาคจะต้องเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ตาย การนำร่างกายที่แม้ไม่มีชีวิต โดยไม่มีอาภรณ์ใดมาปกปิดร่างกาย พร้อมนำประวัติส่วนตัวมาแสดงเป็นการประจานมากกว่าการให้ความรู้ และตอกย้ำว่า การติดเชื้อเกิดกับกลุ่มผู้ประพฤติไม่ดีบางกลุ่มเท่านั้น ทั้งๆ ที่การติดเชื้อเกิดได้กับทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วไม่ป้องกัน อีกทั้งทำให้ผู้ติดเชื้ออยู่ในสังคมได้ลำบาก จึงขอให้ทางวัดนำศพของผู้ป่วยที่เสียชีวิตทั้งหมดไปทำพิธีทางศาสนาในทันที เพื่อปกป้องสิทธิของผู้เสียชีวิตและครอบครัว รวมทั้งลดผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ติดเชื้อในสังคมต่อไป
น.ส.สุภัทรากล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยได้ติดต่อไปทางวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อพูดคุยแต่ได้รับการปฏิเสธ และเราก็ยังไม่ได้พูดคุยกับพระอลงกต ติกขปัญโญ เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ การช่วยเหลือเป็นเรื่องที่ทำได้แต่ต้องอยู่บนหลักการที่จะไม่ละเมิดสิทธิ และที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นแล้วว่าการประจานไม่เคยแก้ปัญหาใดๆ ขณะที่ผู้ป่วยที่เข้าไปรับความช่วยเหลือเองก็อยู่ในภาวะพึ่งพิงจึงไม่อาจจะปฏิเสธได้ หากวัดต้องการจะให้ตระหนักถึงปัญหาเอดส์เราก็พร้อมที่จะร่วมมือกันแต่ไม่ใช่เอาศพมาทำเช่นนี้
ด้านนายบริพัตร ดอนมอญ ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ตอนนี้วัดกำลังเอาความเจ็บปวด ความน่าสงสารมาเรียกร้องและเรี่ยไรกับชาวพุทธ โดยไม่ได้คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ผู้ป่วยที่ต้องเซ็นยอมรับนั้นก็ถือว่าอยู่ในสภาวะจำยอม เขาต้องเข้าไปพึ่งพิงไม่สามารถเจรจาต่อรองได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าการทำพิพิธภัณฑ์ถือเป็นเจตนาดีหรือไม่ นายบริพัตรกล่าวว่า ถามว่าทำอย่างนี้มีเจตนาป้องกันผู้ติดเชื้ออย่างไร ตนไม่เห็นด้วยกับแนวทางวัดพระบาทน้ำพุตั้งแต่แรก เพราะทุกวันนี้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไม่รุนแรงเท่ากับในอดีต เตียงในโรงพยาบาลก็ไม่แน่นอีกแล้ว การเข้าถึงยาก็สามารถทำได้ง่ายโดยผ่านทางสำนักงานหลักประกันหลักสุขภาพแห่งชาติ ไม่จำเป็นต้องนำผู้ป่วยเข้าไปอยู่รวมกันอย่างนั้น เว้นแต่ต้องการที่จะแยกผู้ป่วยออกจากสังคม
เมื่อถามว่ากลัวถูกมองว่าเป็นการจ้องทำลายวัดหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีเอ็นจีโอต่างชาติโจมตีประเด็นนี้ นายบริพัตรกล่าวว่า ก่อนออกมาต่อสู้เรื่องนี้เราก็คิดมากเหมือนกัน เพราะเราอาจจะถูกประณามได้ วันนี้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะคนกำลังมองว่าทางวัดกำลังทำความดี เป็นการช่วยเหลือผู้ป่วย เราก็เป็นชาวพุทธเหมือนกัน แต่เรื่องนี้เรารับไม่ได้ การทำอย่างนี้ทำให้สังคมมองว่าคนติดเชื้อเป็นคนไม่ดี และอยู่ในสังคมได้ลำบาก
นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิฯ กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิฯ จะรับเรื่องนี้ไว้ดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนและจะลงพื้นที่เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากทั้งสองฝ่าย แต่จากการดูเบื้องต้นก็พบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการละเมิดสิทธิ ซึ่งหากพบว่าวัดกระทำผิดจริงก็ต้องไปประสานงานเพื่อหาทางแก้ไข แต่สงสัยว่าพิพิธภัณฑ์แห่งชีวิตมีมานานแล้วทำไมถึงเพิ่งมาร้อง และเหตุใดจึงติดต่อทางวัดไม่ได้