"เกรซ กาญจน์เกล้า" เปิดมุมส่วนตัว เพราะชีวิตต้องมีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา มันถึงจะสนุกและกลมกล่อม
เป็นนักแสดงสาวมากฝีมือที่กำลังโชว์ฝีมือด้านต่างๆ อย่างเต็มที่ให้แฟนๆ ได้ชม สำหรับนางเอกสาวขาวออร่า เกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า ที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นนักแสดงอิสระทำให้แฟนๆ ได้เห็นความสามารถต่างๆ ของสาวเกรซที่ยังไม่ค่อยได้เห็นกัน ทั้งการ เต้น ร้องเพลง แร็ป ต่างๆ ผ่านทางช่องทางต่างๆ
อย่างบทบาทล่าสุดที่ทำเอาแฟนๆ อึ้ง ก็เป็นการรับบท "ริตา" สาวที่มีอาการป่วยทางจิต ในละครสุดเชือดเฉือน "เริงริตา" ทางช่อง GMM 25 ที่ต้องบอกว่าแต่ละตอนเข้มข้น และเกิดกระแสที่ทำให้แฟนละครพูดถึงหลายต่อหลายครั้ง ส่งผลให้สาวเกรซและตัวละครริตา ถูกพูดถึงในหลากหลายแง่มุม
ล่าสุด sanook.com จึงขอคว้าตัวสาวเก่งคนนี้มาพูดคุยกันถึงการทำงานในละครเรื่องนี้ พร้อมกับเปิดใจเต็มๆ ถึงความรักสุดหวานกับแฟนหนุ่ม "ไฮโซนิค" ที่เผลอแป๊บเดียวรักกันมาถึง 2 ปี ว่าเป็นยังไงกันบ้าง
ทุ่มสุดตัวกับบท "ริตา" สาวมีปม ขายบริการ-มีอาการทางจิต
"เริงริตา บทแรงจัดหนักจัดเต็มมาก การทำงานเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง?
"เรื่องนี้บทมันแรง และค่อนข้างจิต ไม่ใช่ตัวละครแซ่บด้วยนะ เหมือนหน้าละครปูมาว่าเป็นละครแซ่บๆ เซ็กซี่ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย ความแซ่บ ความเซ็กซี่มีน้อยมาก แต่เป็นเรื่องราวความรู้สึกของคนคนหนึ่งที่ถูกสังคมรังเกียจจากอาชีพขายบริการ มีปมจากตอนเด็กที่เป็นเด็กกำพร้า ไม่มีใครรับไปเลี้ยง และมีเหตุการณ์เหมือนโดนแย่งชีวิตที่ดีๆ ไป ริตาเป็นคนที่พบเจอกับความผิดหวังมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เลยกลายเป็นปมเก็บกดไว้ข้างใน พัฒนามาสู่การแก้แค้นเอาคืนค่ะ"
"ตอนที่รับเล่นไม่ได้คิดว่าจะหนักขนาดนี้ เรารู้ว่าบทเรื่องนี้แรง ตัวละครเป็นคนเทาๆ แต่พอมาถ่ายก็ คือ เทาเข้มไปนิดนึง (หัวเราะ) แต่เรารู้สึกว่ามันก็ท้าทายดี เอาจริงๆ เราไม่ได้อยากเล่นอะไรที่มันแรงหรอก แต่เราอยากเล่นอะไรที่แปลกใหม่และเป็นความจริง เพราะมันจะมีละครสักกี่เรื่องที่ทำได้จริงๆ ในเรื่องราวอะไรแบบนี้"
"ซึ่งเราก็กลัวมากว่าเราจะเล่นได้ไหม เพราะด้วยตัวเราเองเราไม่ใช่คนที่เคยมีประสบการณ์ หรือ เทาแบบนั้น เราเป็นคนชมพูๆ (หัวเราะ) เป็นคนร่าเริง พอมาเจอบทแบบนี้เรามองว่าท้าทายดี พอได้ถ่ายทำต้องยอมรับว่าร่างกายเกรซก็เกิดอาการรวนๆ เหมือนกัน เพราะต้องแสดง เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวทะเลาะ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวกุ๊กกิ๊ก เดี๋ยวฮา แล้วก็กลับมาดราม่าอีก แปรปรวนมาก เกรซก็รู้สึกดีที่ได้รับบทที่หลากหลายขนาดนี้ เพราะนานๆ ทีบทแบบนี้จะผ่านเข้ามา"
เป็นลมกลางกองถ่าย
"ใช่ค่ะ วันนั้นหนักมาก เป็นวันรวมซีนไฮไลท์ที่โรงพยาบาล มีหลายซีนมาก หลายเรื่องราว ที่พีคคือ ซีนฆ่าคุณครูของเราโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเราหลอนไปเอง ทำให้เรากลายเป็นบ้ากับตัวเอง ทั้งรู้สึกผิด ทั้งกลัว สับสนวุ่นวายไปหมด ในละครที่ตัดออกมานั่นแค่ 40-50 เปอร์เซ็นต์ ที่เล่นไป ยังมีอีกเยอะที่เราคิดว่าหนักเกินไป เขาเลยตัดมาออนแค่นั้น ก็เป็นซีนนี้แหละค่ะที่รู้สึกว่าหินและหนักที่สุดตั้งแต่ถ่ายทำมา"
"เราถ่ายทำกันนานมาก นานถึงขนาดที่ตาเกรซปิดเองโดยอัตโนมัติ ร่างกายส่งสัญญาณว่าไม่ไหวแล้ว ถ่ายตั้งแต่เช้า ซีนแรกก็ร้องไห้เลย และร้องมาทุกซีน ซีนละ 2 ครั้งจนถึง สี่ทุ่ม พังมาก ใครจะมานั่งร้องไห้วันนึง 40 กว่ารอบใช่ไหมคะ ก็สมควรเป็นลม เกรซว่าเป็นลมยังน้อยไป (หัวเราะ)"
ฉีกแนวสาวหวานๆ มารับบทแรงขนาดนี้แฟนๆ ฟีดแบ็กกลับมายังไงบ้าง?
"ดีนะคะ ด้วยความที่เกรซไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้ ทั้งแบบแรงๆ แบบกุ๊กกิ๊ก แบบกวนประสาทก็ยังไม่เคยเล่น เรื่องนี้คนก็จะได้เห็นเกรซในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็เป็นบทที่เกรซแฮปปี้ที่ได้เล่น และคิดว่าเรื่องนี้หนักสุดในชีวิตแล้วค่ะ ตั้งแต่ทำงานมา และเรื่องนี้เข้มข้นมาก อยากให้ติดตามกันจนจบค่ะ"
ยังมีบทไหนที่อยากเล่นอีกไหม?
"ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะบอกว่าบทคนบ้า โรคจิต แต่ตอนนี้สาแก่ใจได้เล่นแล้ว ที่อยากเล่นต่อไปก็คงอยากเป็นนางเอกตลกๆ ค่ะ อยากเล่นเป็นกระเทย เอาจริตกระเทยๆ เลย แล้วก็ตลกๆ ฮาๆ เอาแบบเป็นตลกไปเลย อยากเล่นเป็นตัวเอง (หัวเราะ)"
ปลดปล่อยตัวตนเต็มที่กับการเป็นนักแสดงอิสระ
เป็นไงบ้างกับชีวิตนักแสดงอิสระ?
"เป็นนักแสดงอิสระมาเกือบปีแล้ว ก็ดีค่ะ เกรซแฮปปี้นะคะจริงๆ การมีสังกัดก็เป็นความชัวร์อีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนการไม่มีสังกัดมันก็เป็นความท้าทาย ทำให้เราตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา หยุดพัฒนาไม่ได้ ใส่ใจในทุกๆ งาน ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เหมือนเรามีไฟที่จะเริ่มกลับมาทำงานใหม่ ได้พบเจอคนใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ ทำงานแบบใหม่ๆ กลายเป็นว่าทำให้เรายิ่งรู้สึกรักงานนี้มากกว่าเดิมอีก"
"การมาเป็นนักแสดงอิสระ อย่างที่บอกเหมือนเราได้เติมไฟในการทำงาน เพราะเมื่อก่อนเหมือนเรายังไม่ได้เป็นตัวเองเท่าที่ควร แต่พอมาตรงนี้เราได้คิด ไม่มีใครมาตีกรอบ ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ ไม่ต้องทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ เราไม่ต้องทำตามคำสั่งใครเพราะเราเป็นเจ้านายตัวเอง แต่ถ้าพูดเรื่องการทำงาน การมีสัมมาคารวะ มีรุ่นพี่รุ่นน้อง มันต้องมีอยู่แล้ว แต่ในแง่ของการตัดสินใจเราสามารถเป็นตัวเองได้"
"และผู้ชมเองก็จะได้เห็นความเป็นเกรซจริงๆ ที่อาจจะไม่เคยเห็นกัน เปิดโอกาสให้คนได่รู้จักเรามากขึ้น ก็ต้องยอมรับว่าการมีสังกัดก็จะค่อนข้างมีกำแพงนิดนึงในเรื่องของการทำงาน หรือ เปิดโอกาสให้คนได้มาร่วมงานกับเราค่ะ ถามว่ามีสังกัดไหนติดต่อเข้ามาเซ็นสัญญาไหม จริงๆ ก็มีค่ะ แต่เราก็รู้แล้วว่าการเป็นฟรีแลนซ์มันตอบโจทย์เรามากที่สุดเราไม่อยากสังกัดกับที่ไหนแล้ว เราจะเลือกในสิ่งที่เราอยากทำเพราะเวลามีค่าค่ะ"
16 ปี บนเส้นทางบันเทิง ไม่มีวันไหนที่ไม่พอใจ
"เกรซพอใจกับทุกสิ่งที่เป็นเสมอนะคะ อาจจะมีแค่บางอย่างที่เรารู้สึกว่าเราอยากทำ บางทีสำหรับเกรซเรื่องเงินก็ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ ค่ะ อย่างเกรซมาทำช่องยูทูป เราก็เสียเงินในการทำยูทูปทุกครั้งแต่นั้นคือสิ่งที่เราอยากทำ เราอยากสร้างมันขึ้นมา เราก็ทำและรู้สึกกับตัวเองว่าเราก็เป็นคนคิด คนสร้างได้เหมือนกันนะ ไม่ใช่คนที่รอเพื่อจะแสดงอย่างเดียว"
ถ้าใครรู้จักหรือเคยร่วมงานกับเกรซจะเห็นว่าเกรซเป็นคนพลังงานเยอะมาก ทุ่มเทกับทุกสิ่งเราเอาพลังงานมากมายขนาดนี้มาจากไหน?
"เกรซมองว่าทุกอย่างที่ทำมันเป็นเรื่องสนุกเหมือนว่าไม่ได้คิดว่าเป็นการทำงาน อย่างการคุยกับพี่ๆ น้องๆ นักข่าว ก็เหมือนมาพูดเล่นกัน อัพเดทชีวิตกัน เราก็พยายามดูแลตัวเองให้ดีเพื่อทำทุกอย่างให้เต็มที่ อยากใช้เวลาให้เต็มที่และคุ้มค่า"
สาวเพอร์เฟ็กต์ สวย เก่ง รอบด้าน
รู้สึกยังไงเวลามีคนมองว่าเราเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟ็กต์มาก?
"ไม่จริงเลยๆ เกรซไม่ได้เพอร์เฟ็กต์ เกรซมีข้อเสียในตัวเองเยอะเหมือนกัน เช่น ปากหมา (หัวเราะ) เป็นคนดีเทลเยอะ เกรซข้อเสียมีเยอะ แต่สิ่งที่คนเห็นอาจจะมองจากภาพลักษณ์ภายนอก ข้อเสีย เช่น เกรซเป็นคนปล่อยวางไม่ค่อยได้ในเรื่องที่คนอื่นปล่อยวางได้ ชัดๆ เลย คือ เรื่องงานรายละเอียดต้องเป๊ะ ซึ่งบางอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวังว่าจะเป็นทั้งหมดหรอก บางอย่างเราก็เก็บมาเป็นเรื่องไม่สบายใจ ปล่อยวางไม่ได้ ก็จะมีบ่นบ้างอะไรบ้างแต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยไปยกเว้นบางเรื่องที่ไม่โอเคจริงๆ เพราะเหมือนเราเป็นคนมีเรื่องในหัวที่จะทำเยอะ เราก็มูฟออนเร็วๆ อย่าไปคิดอะไรมาก"
ยังมีอะไรที่คิดว่ารับมือไม่ได้บ้างไหม?
"ไม่มี (หัวเราะ) ไม่ได้มั่นหน้านะ แต่คิดว่าไม่มีอะไรที่รับไม่ไหว เพราะเราค่อนข้างเป็นคนเฉยๆ ต่อให้เป็นเรื่องรับไม่ได้ก็ไม่ได้รู้สึกว่ารับไม่ได้เข้าใจไหมคะ ก็อาจจะแค่ รู้สึก โอ้ย! แต่ก็ปล่อยผ่าน (หัวเราะ) ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจอะไรเลยนะ แต่เราไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรหนักอกหนักใจ"
"อย่างเรื่องโซเชียลหรือคอมเมนต์หรือคำวิจารณ์อะไรต่างๆ ก็ไม่ได้เครียดอะไร ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจนะคะ คอมเมนต์ไหนที่เขาแนะนำให้เราปรับปรุง เราก็นำมาปรับปรุง มาคอมเมนต์บอกกันดีๆ เราฟัง แต่ส่วนมากตั้งแต่ไหนแต่ไรเกรซไม่ค่อยโดนอะไรอยู่แล้ว"
รักสุดหวานกับ "ไฮโซนิค" หนุ่มหล่อ งานดี คนนี้คบแล้วสบายใจ
มาคุยกันเรื่องความรักบ้าง หัวใจสีชมพูหวานแววเชียว?
"ความรักตอนนี้ดีค่ะ เป็นความรักที่ไม่ได้คาดหวังอะไรซึ่งกันและกันมาก เราคบกันมา 2 ปี แล้ว ไวเหมือนกัน รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมากเพราะเราทำงานตลอดเลย แต่เกรซรู้สึกมีความรักครั้งนี้แล้วแฮปปี้นะ เพราะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว้าวุ่นใจ เป็นความรักที่เรารู้สึกสบายใจ บางทีการทะเลาะกับแฟนแล้วเราต้องทำงานมันไม่เวิร์คเพราะสภาพจิตใจเรามันจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราเป็นนักแสดงทำงานกับอารมณ์เพราะฉะนั้นคนที่ยืนข้างๆ เราเขาต้องเข้าใจเรามากๆ นะ ว่าถ้าคุณทำให้เราอารมณ์ไม่ดี อารมณ์เสีย หรือมีความเศร้าใดๆ มันก็จะส่งผลต่อการทำงานของเรา"
"จริงๆ เราทำงานเราแยกแยะได้ แต่ถามว่าข้างในลึกๆ จริงๆ มันเต็มไหมมันไม่มีทางเต็มร้อยค่ะ แต่คบคนนี้เรารู้สึกเฮลท์ตี้ในเรื่องของสภาพจิตใจ เราคบกันมา 2 ปี ไม่มีอะไรที่ทะเลาะกันใหญ่โตเลย มีทะเลาะกันเล็กๆ น้อยๆ อย่างพูดไม่ถูกหูกันอะไรแบบนั้น แต่ยังไม่มีประเด็นอะไรใหญ่ๆ ที่ทำให้เรารู้สึกไม่โอเค ส่วนเรื่องทัศนคติเราก็มีปรับกันบ้างเพราะเขาเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาก ซึ่งเราต่างก็เคารพซึ่งกันและกัน"
ย้อนกลับไปเราไปเจอแฟนคนนี้ได้ยังไง?
"เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอกันเลย พอมีโอกาสได้เจอกันเขาก็มาจีบ เหมือนเราสวยมาก (หัวเราะ) พอหลวมตัวเข้ามาแล้วก็ออกไม่ได้ละ"
ทำไมเปิดใจให้ผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตล่ะ?
"เพราะเขาเป็นคนไม่กินเหล้า ไม่ค่อยเที่ยว เป็นสิ่งที่เกรซรู้สึกว่าอบอุ่นใจ ทุกคนมีข้อเสียแต่เขาไปมีข้อเสียด้านอื่นแทนซึ่งเรารับได้กับตรงนี้ เหมือนเรารู้สึกปลอดภัย ตอนแรกเราเหมือนมีเพื่อนที่หวังดีต่อกัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราทำงานหนักและโสดมาพักนึง แล้วเหมือนช่วงโปรโมชั่น มีคนคอยดูแลเทคแคร์ เราก็รู้สึกดีจังเลย พูดตรงๆ ว่าช่วงแรกเรารู้สึกแฮปปี้มากๆ พอเรามาทำความรู้จักนิสัยกันจริงๆ เราก็โอเค อะไรที่เรามีความชอบต่างกันเราก็ต้องปรับเข้าหากัน มันต้องผ่านไปให้ได้ ก็คือ อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่หรือเป็นปัญหา เพราะบางอย่างมันไม่ใช่ปัญหาแต่เราหยิบมันขึ้นมาเป็นปัญหามันก็เหนื่อย"
"อีกอย่างตอนนี้เราโตขึ้นแล้วด้วยเราก็รู้สึกว่าการจู้จี้จุกจิกกับปัญหามันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก การมัวไปถามเขาว่าทำไมทำแบบนั้นแบบนี้ สุดท้ายมันไม่มีคำตอบหรอกเพราะจริงๆ นิสัยเขาเป็นแบบนั้น ถ้ามันเป็นเรื่องไม่ได้ร้ายแรงมากเราก็ปรับกันไป ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนที่มานั่งถามว่าเธอทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย ตอนนี้เราก็พูดคุยกันว่า อย่าทำแบบนี้อีกนะ อย่าทำแบบนี้กับใครอีกนะ มันไม่ดีเลย อะไรประมาณนั้น เคลียร์ๆ สั้นๆ ไม่เวิ่นเว้อ เพราะถ้าเวิ่นเว้อเดียวจะมาเต็มแล้วจะไม่จบ"
เวลาเราโกรธเราเงียบหรือพูดให้เคลียร์?
"ไม่เงียบๆ เกรซจะพูด แต่ไม่ได้พูดเพื่อชวนทะเลาะนะคะ แค่เคลียร์ให้จบ"
ทางครอบครัวว่ายังไงกับความรักครั้งนี้บ้าง?
"ครอบครัวโอเคนะคะ เขาก็ใส่ใจพ่อแม่เรา เกรซก็ใส่ใจครอบครัวเขา เป็นอะไรที่เรารู้สึกโอเค อบอุ่นใจ"
ความรักในวันที่ไม่ต้องหวือหวาและไม่อยากคาดหวัง
เหมือนเราตั้งใจไม่เปิดตัวตั้งแต่แรก?
"ไม่ใช่ว่าตั้งใจไม่เปิดตัว หรือ ปิดอะไรหรอกค่ะ แต่เราไม่อยากหวือหวา อาจจะไม่ได้เปิดตัวแล้วปิดตัวทีเดียวเลย (หัวเราะ) และ ถามว่าคาดหวังกับความรักครั้งนี้ไหมก็ไม่ได้คาดหวังเลย เราไม่อยากคาดหวังอะไรไปมาก เพราะคาดหวังไปก็ไม่ได้อะไร ความสนุกของชีวิต คือ มีการผิดหวังบ้าง สมหวังบ้าง เราจะสมหวังทุกอย่างไปก็ไม่สนุกและเป็นไปไม่ได้ด้วย มันเป็นรสชาติของชีวิตต้องมีหัวเราะ ร้องไห้ มีฮาน้ำตาเล็ด มันต้องมีให้ครบจะได้กลมกล่อม"
กว่าจะความรักที่ลงตัวแบบนี้ก็เสียน้ำตามาก่อนเหมือนกัน?
"เคยเสียน้ำตามาก่อนแน่นอน เพราะ เราเองก็เคยทำอะไรที่ไม่น่ารักมาก่อนเหมือนกัน เคยเอาแต่ใจ ทำไม่ดี ทุกคนต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผิดพลาดของตัวเองกันทั้งนั้น ทำให้เรารู้ว่าอะไรที่เราต้องไม่ทำอีก อะไรทำไปแล้วคนอื่นจะเสียใจ ต้องขอบคุณแฟนทุกคน ทุกความรักที่ผ่านเข้ามา ที่หล่อหลอมให้เราเข้าใจในความรักมากขึ้น"
"เกรซถึงสามารถเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ทุกคนเพราะว่าเราเปิดใจและหวังดีต่อกันทุกคน ไม่รู้จะเกลียดกันไปทำไมเพราะสุดท้ายต่างคนต่างก็ต้องแยกย้ายมีชีวิตของตัวเอง ความรักที่ผ่านมาเราก็นำมาปรับใช้ในชีวิตรักครั้งปัจจุบันของเรา"
เป็นผู้หญิงที่มีความฝันว่าจะต้องแต่งงานไหม?
"เฉยๆ ค่ะ อาจจะเป็นเพราะเกรซยังสนุกและท้าทายในการทำงานอยู่ด้วยมันก็เลยยังไม่มีเรื่องแต่งงานในหัว นึกภาพการแต่งงานไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง นึกไม่ออกว่าถ้าแต่งงานไปแล้วต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกไม่ได้ทำงานจะเป็นยังไง ต้องเป็นบ้าตายแน่ๆ"
ถ้าแฟนยื่นข้อเสนอว่าขอให้แต่งงานแล้วหยุดทำงาน?
"ก็เลิกกันเลยเถอะ (หัวเราะ) ถ้ามีเรื่องนี้ก็น่าจะได้เลิกกับแฟนมากกว่า เพราะเราชอบทำงาน เกรซทำงานตั้งแต่อายุ 15 ปี การทำงานทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตเรามีคุณค่า มีความหมาย แต่ตอนนี้เกรซยังไม่อิ่มกับตรงนี้ แต่ในอนาคตก็บอกไม่ได้ว่าความคิดเราจะเปลี่ยนไหม แต่ตอนนี้คิดภาพการหยุดทำงานไม่ออกจริงๆ เหมือนเกรซลำดับความสำคัญในชีวิตเกรซให้งานมาก่อนความรักค่ะ"
เราให้ความสำคัญกับงานขนาดนี้แฟนน้อยใจไหม?
"เขาเข้าใจมากค่ะ อย่างวันนี้ตั้งแต่เช้าเกรซทำงานก็ยังไม่ได้คุยกับเขาเลย เขาไม่น้อยใจเพราะเขาก็ทำงาน มีธุระของเขาที่เขาต้องจัดการเหมือนกัน"
เลิฟซีนล่ะ เขาว่าไหม?
"ไม่มี ไม่เคยว่าค่ะ"
ชุดว่ายน้ำ?
"ยังไม่เห็น (หัวเราะ) อย่างมากก็แค่แซวว่าเยอะไปนะ อะไรแบบนั้นมากกว่า เขาไม่หวง แต่เขาไม่ชอบให้แต่งตัวโป๊ แต่ถ้าเป็นการทำงานเขาจะเข้าใจค่ะ"
เรียกว่ารักครั้งนี้เราเป็นตัวของตัวเองเต็มที่?
"เกรซเป็นตัวของตัวเองตลอดค่ะ ใครรับได้ก็อยู่ ใครรับไม่ได้ก็ไป จบ (หัวเราะ) ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก เราก็เลยคบกันมาได้จนถึงตอนนี้ค่ะ"
นับว่าเป็นสาวที่เต็มที่กับทุกเรื่องจริงๆ โดยเฉพาะการทำงาน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมงานของเธอที่ออกมาแต่ละครั้งถึงสร้างความอึ้งให้แฟนๆ ได้เสมอ และตอนนี้เหมือนว่าเธอกำลังเต็มที่และสนุกสุดขีด ในเส้นทางนักแสดงฟรีแลนซ์ เชื่อว่าอีกไม่นานต้องมีเซอร์ไพรส์ออกมาให้เห็นอีกแน่นอน
อัลบั้มภาพ 51 ภาพ