แห่แชร์ เอมมี่-เฌอเอม ผู้ประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 โดนถามรัวๆ แต่ปังทุกคำตอบ
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยหลายคนแห่แชร์คลิปการถ่ายทอดสดการตอบคำถามของผู้เข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 โดยเฉพาะ เอมมี่-เอมมี่ คิม ซอร์เยอร์ และ เฌอเอม-ชญาธนุส ศรทัตต์ ที่แม้จะได้รับคำถามจากกรรมการและผู้ชม โดยแทบไม่มีเวลาได้คิด แต่ทั้งคู่กลับตอบอย่างฉะฉาน มั่นใจ และประทับใจผู้ชมคลิป
เหตุนี้ทำให้แฮชแท็ก #MissUniverseThailand2020 ถูกพูดถึงเป็นอันดับต้นๆ ในหมู่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ในประเทศไทยเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (8 ก.ย.)
เริ่มต้นจาก เอมมี่ ผู้เข้าประกวดอายุ 19 ปี ที่แนะนำตัวเองว่าเป็นคนที่พร้อมเผชิญความท้าทายและพร้อมที่จะพูดเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ และในฐานะที่ตนเป็นผู้ประกวดที่อายุน้อย ตนก็อยากสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ด้วย
"เอมมี่" ชูความยุติธรรมเปลี่ยนสังคม
ผู้เข้าประกวดรายนี้ได้รับโจทย์ให้พูดถึงเงินใต้โต๊ะ และตอบได้อย่างดีว่า สิ่งดังกล่าวแม้จะเป็นทางลัดสำหรับใครหลายคนในการทำให้เป้าหมายสำเร็จ แต่ก็เป็นการสะท้อนความไม่เท่าเทียมด้วย ซึ่งตนมองว่าสังคมที่ดีควรให้โอกาสกับทุกคนอย่างเท่าเทียม ดังนั้นระบบการจ่ายเงินใต้โต๊ะควรถูกกำจัดออกไป และวิธีที่จะทำได้คือการส่งเสริมให้ทุกคนภูมิใจและมั่นใจในตัวเอง ให้ใช้ศักยภาพที่ตัวเองมีทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จ โดยไม่ต้องใช้ทางลัด
ต่อมา เอมมี่ ก็ถูกถามว่า ถ้าคนในครอบครัวเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งหรือการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตนจะรับมืออย่างไร ซึ่งตนตอบว่า ตนก็จะต้องออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะตนเชื่อในความยุติธรรม ดังนั้นถ้าเห็นอะไรผิดปกติ ก็ต้องออกมาพูดแม้จะเป็นคนในครอบครัว และการออกมาพูดจะช่วยเปลี่ยนแปลงได้
"หนูอยากให้ทุกคนถามตัวเองว่า ถ้าไม่ใช่ตอนนี้ แล้วเมื่อไหร่หละ ถ้าไม่ใช่เรา แล้วใครจะพูด"
อายุไม่สำคัญเท่าจุดยืน
อีกคำถามที่น่าสนใจที่ผู้เข้าประกวดรายนี้ได้รับ คือ ตนมีวิธีโต้แย้งอย่างไรกับข้อความในโซเชียลมีเดียที่มองว่าตนมีอายุน้อยเกินไป เอมมี่ตอบว่า อายุไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ แต่เป็นข้อความที่จะสื่อสารออกมาต่างหาก ซึ่งตนไม่เพียงแต่พร้อมพูดแทนเยาวชนเท่านั้น แต่ยังเป็นกระบอกเสียงให้กับคนทุกวัยได้ด้วย ดังนั้นเมื่อเรารู้ว่าเราเป็นใครและมีจุดยืนอย่างไร ก็สามารถยืนหยัดให้กับสิ่งต่างๆ และทำให้สำเร็จได้
นางงามรายนี้ยังถูกถามเกี่ยวกับปัญหาที่สำคัญที่สุดของวัยรุ่นในยุคนี้ด้วย ซึ่งตนมองว่าคือการที่หลายคน "ไม่รักตัวเอง" การรักและยอมรับตัวเองช่วยพาตัวเราไปสู่ความสำเร็จได้ ตนรู้สึกดีมากถ้าหากได้สร้างกำลังใจให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของตัวเอง และโชคดีที่ยุคนี้มีโซเชียลมีเดีย ตนมองว่าจะยิ่งทำให้ข้อความหนุนใจเหล่านี้ไปถึงคนจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นักเรียนควรมีสิทธิพูด คนรุ่นเก่าควรฟัง!
คำตอบที่น่าสนใจของผู้เข้าประกวดรายนี้ เกิดขึ้นหลังจากได้รับคำถามว่า ตนคิดว่านักเรียนสร้างการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้หรือไม่ แม้จะยังไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งก็ตาม
แอมมี่ ตอบว่า ความเห็นของคนรุ่นใหม่สำคัญมากๆ เพราะคนเหล่านี้จะเป็นอนาคตของโลก คนเหล่านี้ควรมีสิทธิ์พูดโดยเฉพาะสังคมประชาธิปไตย และคนรุ่นเก่าก็ควรฟัง
ผู้ประกวดรายนี้ยังตอบอีกคำถามหนึ่ง ซึ่งมีช่วงหนึ่งที่น่าสนใจ ว่าการเปิดให้ทุกคนได้แสดงความเป็นตัวเองและได้พูด จะยิ่งทำให้คนอื่นหรือฝ่ายอื่นเข้าใจกันและกันมากขึ้น การเปิดกว้างนี่เองที่จะช่วยให้สังคมดีขึ้น
ด้านเฌอเอม ก็ได้รับความสนใจจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไม่น้อย บางคนมองว่าผู้ประกวดรายนี้น่าจะมีเส้นทางในการประกวดที่ยาวไกล เพราะการตอบคำถามในรอบคัดตัว (Audition) นี้ยอดเยี่ยมมาก
"เฌอเอม" ลั่นทุกคนควรแบ่งปันโอกาส
ผู้เข้าประกวดรายนี้แนะนำตัวเองว่า ตนพูดไม่ชัดเพราะรูปปากของตนผิดปกติและยังเคยได้รับอุบัติเหตุจนเสียฟันหน้าถาวร แต่ข้อจำกัดทางร่างกายนี้ ไม่ใช่ข้อจำกัดด้านความสามารถ
ส่วนโจทย์ที่ตนได้รับคือ "โอกาส" ซึ่งตนกล่าวว่าโอกาสคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตมนุษย์ เพราะถ้าไม่มีโอกาสก็ไม่ได้ทำอะไรให้สำเร็จ แต่ทุกวันนี้ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่ได้รับโอกาส นี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมกันแบ่งปัน
ชาติพันธุ์ไม่ควรนำมาแบ่งแยก
ผู้เข้าประกวดรายนี้ ถูกถามเกี่ยวกับมุมมองต่อการเคลื่อนไหว "Black Lives Matter" (ชีวิตคนดำก็สำคัญ) ในสหรัฐและหลายประเทศ ตนมองว่าเป็นการขับเคลื่อนทางสังคมที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะนอกจากทำให้สังคมตระหนักถึงเลือกปฏิบัติและโอกาสที่คนทุกคนควรได้รับอย่างเท่าเทียมโดยไม่คำนึงถึงผิวสีแล้ว หากการเคลื่อนไหวนี้ประสบความสำเร็จ ก็เชื่อว่ากลุ่มชาติพันธุ์อื่น ก็จะได้รับโอกาสที่เท่าเทียมเช่นกัน
ต่อมา เฌอเอม ได้รับคำถามเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติต่อคนเอเชียในทวีปยุโรปและอเมริกา ในยุคที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระบาด ตนกล่าวว่ามีประสบการณ์นี้ด้วยตัวเอง คือ เคยถูกต่อยในช่วงที่เดินแบบที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี เพียงเพราะตนเป็นคนเอเชีย แต่สุดท้ายแล้วคนทุกเชื้อชาติก็ติดโควิด-19 เหมือนกัน ดังนั้นทุกคนควรเข้าใจว่าชาติพันธุ์ไม่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบในการแพร่ระบาด
"หัวใจของนักการเมืองคือการรับใช้ประชาชน"
นอกจากนี้ ผู้เข้าประกวดรายนี้ยังได้รับคำถามว่า ถ้าหากตนตั้งใจจะลงคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ส. คนหนึ่ง แต่ภายหลังทราบว่า ผู้สมัครรายนี้นอกใจคนรัก ตนจะยังลงคะแนนให้ผู้สมัครรายนี้หรือไม่ เฌอเอมตอบว่า ตนคงต้องเปลี่ยนใจ เพราะมองว่า ผู้สมัครคนนี้ซื่อสัตย์กับคนรักของตัวเอง ทั้งที่เป็นคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของชีวิต ไม่ได้ แล้วจะซื่อสัตย์ต่อประชาชนจำนวนมากที่จะต้องรับผิดชอบได้อย่างไร
"ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์กับเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่สำคัญกับเรามากที่สุดในชีวิต มันยากที่เราจะซื่อสัตย์กับคนที่เราจำเป็นต้องรับใช้ค่ะ และหัวใจของนักการเมืองคือการรับใช้ประชาชนค่ะ นั่นคือเกียรติภูมิของการเป็นนักการเมืองค่ะ" เฌอเอม กล่าว