พิธา ซัด ประยุทธ์ ขาดภาวะผู้นำ ทำให้แก้วิกฤตไม่ได้ แนะลงจากอำนาจก่อนประเทศย่อยยับ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องวิกฤตทางเศรษฐกิจและวิกฤตทางการเมือง โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ในวันนี้ (9 ก.ย.) ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขาดภาวะผู้นำและอยู่ภายใต้กติกา คือ รัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว ซึ่งยกร่างเพื่อทำหน้าที่เฉพาะกิจ คือ สืบทอดอำนาจ แทนการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ ในการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ 2 สมัยที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในอำนาจที่มากกว่าผู้นำในระบอบประชาธิปไตยคนอื่น โดยระยะ 5 ปีแรก ไม่มีแรงเสียดทานและตรวจสอบจากฝ่ายค้านและมีงบประมาณล้นมือ ถึง 20 ล้านล้านบาท แต่อภิสิทธิ์ที่ได้นั้นไม่สามารถวางรากฐานที่ดีให้กับประเทศ ทั้งระบบเศรษฐกิจ การต่อสู้ภัยความมั่นคง รวมไปถึงการระบาดของโควิด-19 ฝุ่น PM 2.5 การกระจายอำนาจ
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าหากรัฐบาลไม่สามารถปรับปรุงและแก้ไขเศรษฐกิจได้ จะมีแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นทั่วประเทศ เมื่อความอดทนของประชาชนหมดลง และหมดความมั่นใจต่อรัฐบาล จะทำให้บ้านเมืองถึงทางตัน อีกทั้งยังมีกระแสข่าวการรัฐประหารเกิดขึ้น ท่ามกลางการชุมนุมของกลุ่มเยาวชน
นอกจากนี้ นายพิธา ยังอภิปรายอีกว่า อนาคตที่ไม่มีอนาคต เพราะมีผู้นำที่ขาดวุฒิภาวะ ระบบการเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชน ทำให้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนอะไรได้ ทั้งระบบราชการรวมศูนย์ ระบบงบประมาณ ระบบการศึกษาที่ไม่ปรับตัว ทำให้สังคมไทยไร้ทางออก เพราะพยายามหวงแหนอดีตที่ทำให้ได้ประโยชน์ ซึ่งอดีตนั้นสร้างเวรกรรมถ่วงคนไทย
การครองอำนาจในฐานะผู้นำสูงสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านมาแล้ว 6 ปี พิสูจน์ว่าได้ผู้ที่ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่มีความสามารถ ไร้วิสัยทัศน์ ดูถูกประชาชน เล่นพรรคเล่นพวก วันนี้ชัดเจนว่าคนไทยได้นายกฯ ที่แย่ที่สุด โดยความวุ่นวาย ความสิ้นหวัง ความล้าหลังในประเทศทุกวันนี้ ใจกลางความล้มเหลวอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ ควรหลีกทาง ลงจากอำนาจ คืนอนาคตให้ชาติ ออกไปก่อนที่ประเทศจะย่อยยับ เกินกว่าที่รัฐบาลจะชดใช้คืนไหว