"เพนกวิน" นำทีมม็อบ มธ. แถลงชุมนุม 19 ก.ย. นี้ เตรียมปักหลักค้างคืน ณ สนามหลวง

ตัวแทนแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย พริษฐ์ ชิวารักษ์, ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล , ภานุพงศ์ จาดนอก และสมาชิก ได้จัดการแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดการจัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 กันยายนนี้ ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยทางแนวร่วมจะชุมนุมใหญ่ ใช้ชื่อว่า “19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร” โดยจะมีการนัดรวมพลตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งมีหลายเครือข่ายแจ้งความประสงค์เข้าร่วมด้วย รวมถึงกลุ่มประชาชนปลดแอก คาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน

โดยทางแนวร่วมเลือกใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพราะพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นสถานที่สัญลักษณ์ของขบวนการประชาธิปไตยมายาวนานจนถือว่า เป็นป้อมปราการของประชาธิปไตย และหากมีผู้ร่วมการชุมนุมมากจนพื้นที่มหาวิทยาลัยแออัด จะมีการเคลื่อนขบวนเข้าใช้พื้นที่สนามหลวง เนื่องจากในอดีตสนามหลวงถือเป็นพื้นที่สาธารณะที่ประชาชนสามารถใช้ในการจัดการชุมนุมหรือทำกิจกรรมต่างๆ มาโดยตลอด จึงถือเป็นการยึดสนามหลวงคืนประชาชนไปในตัว

นอกจากนี้อาจจะมีการปิดถนนราชดำเนินกลางเพื่อใช้เป็นพื้นที่ศิลปะและทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อเปลี่ยนถนนให้ราษฎรดำเนิน พร้อมเชิญชวนศิลปินนักกิจกรรมศิลปะ หากสนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยรายละเอียดอาจปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม

ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้ไม่ใช่การต่อยอดจากครั้งก่อนที่ มธ. รังสิต แต่เป็นการชุมนุมแบบทะลุเพดาน ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถใช้พื้นที่สนามหลวงได้ แม้จะมีกฎหมายห้ามเพราะเป็นเขตพระราชฐาน แต่ประชาชนเป็นเจ้าของแผ่นดิน รวมไปถึงในวันที่ 19 กันยายน มั่นใจว่าทางมหาวิทยาลัยจะอนุญาตให้ใช้พื้นที่จัดการชุมนุม เพราะหากไม่ได้พวกเราทุกคนก็จะขอทวงคืนธรรมศาสตร์ เพราะ มธ. ถือเป็นสัญลักษณ์ของประชาชน เงินค่าบำรุงมหาวิทยาลัยก็มาจากนักศึกษา ทั้งนั้น สำหรับการชุมนุมดังกล่าวจะป็นการชุมนุมปักหลักค้างคืน โคยกิจกรรมต่างๆ จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลา 14.00 น. ไปจนถึงรุ่งเช้า และจะมีการเดินขบวนต่อต้านเผด็จการไปยังทำเนียบรัฐบาลในวันรุ่งขึ้น (20 กันยายน) โดยจะเริ่มเคลื่อนขบวนตั้งแต่ 08.00 น. เป็นตันไป

ทั้งนี้ทางแนวร่วมฯจึงขอให้ประชาชนที่จะเข้าร่วมชุมนุมเตรียมสิ่งของครื่องใช้สำหรับการค้างแรมรวมถึงอุปกรณ์ป้องกันแดดมาร่วมการชุมนุมด้วย ขณะที่การชุมนุมครั้งนี้ ถือป็นการยกระดับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยครั้งสำคัญโดยจะสำเร็จได้ด้วย
พลังของประชาชน