ประยุทธ์ ปะทะ มิ่งขวัญ เหน็บเคยขอตำแหน่งรองนายกฯ คงรับไม่ได้เพราะคนเต็มแล้ว

ประยุทธ์ ปะทะ มิ่งขวัญ เหน็บเคยขอตำแหน่งรองนายกฯ คงรับไม่ได้เพราะคนเต็มแล้ว

ประยุทธ์ ปะทะ มิ่งขวัญ เหน็บเคยขอตำแหน่งรองนายกฯ คงรับไม่ได้เพราะคนเต็มแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ ลุกขึ้นโต้ "มิ่งขวัญ" ปัดรัฐบาลทำเศรษฐกิจล้มเหลว ก่อนบอกว่า ให้มาเป็นรองนายกฯ ไม่ได้เพราะคนเต็มแล้ว

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายถึงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล โดยเชื่อว่า ในงบฯปี 63 รัฐบาลเก็บรายได้ไม่ตรงตามเป้าที่วางไว้ พร้อมตั้งข้อสังเกตการจัดทำงบประมาณที่แตกต่างกับรัฐบาลในอดีต ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่า การตั้งงบฯปี 63 และ 64 รัฐบาลให้ความสำคัญกับงบกลางเป็นอันดับ 1 แตกต่างกับในอดีตที่ให้ความสำคัญกับงบฯของกระทรวงศึกษาธิการมาเป็นอันดับแรก ซึ่งการจัดเตรียมงบกลางในลักษณะนี้ทำให้เกิดการตรวจสอบยาก เพราะอำนาจการสั่งการอยู่ที่นายกฯ เพียงคนเดียว

โดยในส่วนของการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นายมิ่งขวัญ เสนอแนวคิดให้รัฐบาลนำเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท และเงินส่วนอื่นๆ อีกประมาณ 1 แสนล้านบาท ไปช่วยเหลือประชาชนที่มีความยากลำบากอย่างแท้จริง โดยให้ประชาชนคนละ 5,000 บาท/ราย/เดือน เป็นเวลา 12 เดือน ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ถึง 33 ล้านคน

นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังในตัวหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่บริหารงานด้วยวิสัยทัศน์ที่ผิดพลาด จะเห็นได้ว่า ผลกระทบที่ตามมาทั้งเรื่องการส่งออกที่ติดลบและการท่องเที่ยวที่รายได้หดหาย รวมถึงปล่อยให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำธุรกิจในไทย เช่น การตั้งล้งผลไม้

 

นอกจากนี้ยังมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีนายทุนสนับสนุนอยู่รอบตัว ซึ่งหลายโครงการเอื้อให้นายทุนรายใหญ่ ล่าสุดรัฐบาลเตรียมแจกเงินอีก 3,000 บาทให้กับประชาชน 15 ล้านคน ซึ่งสุดท้ายเชื่อว่าเงินจำนวนนี้จะหมุนไปสู่นายทุน

อย่างไรก็ตาม นายมิ่งขวัญ เสนอทางออกว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องลาออก และต้องให้มีคนเข้ามาแก้รัฐธรรมนูญโดยอิสระ และแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศควบคู่กันไป และเมื่อแก้รัฐธรรมนูญเรียบร้อยจึงจะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่

นายกฯ แจงใช้งบฯรอบคอบ ยันทุกโครงการต้องผ่านครม.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ชี้แจงการอภิปรายของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ว่า ถึงแม้ตนเองจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐศาสตร์เหมือนนายมิ่งขวัญ แต่ตนเองมีทีมที่ปรึกษาที่มีความสามารถ

ในการขอช่วยเหลือจากบรรดาเศรษฐีของไทยนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสอบถามแนวทางการช่วยเหลือประเทศชาติ การดูแลการจ้างงาน การช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้มีการร้องขออะไรระหว่างกัน ทุกอย่างเป็นไปตามกติกา

 

ส่วนการใช้งบกลาง รายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีวงเงินอยู่ 9.9 หมื่นล้านบาท และทุกครั้งที่จะใช้เงินต้องมีรายละเอียดแผนงานโครงการ และต้องผ่านการตรวจสอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงจะอนุมัติได้ ไม่ใช่ใครขอมาก็อนุมัติให้ เพราะไม่ใช่เงินของตนเอง

สำหรับเงินกู้เยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 นั้นมีเพียง 1 ล้านล้านบาท นำไปใช้เตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ใช้ไปไม่กี่พันล้านบาท อีก 5.5 แสนล้านบาทที่เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเดือนละ 5 พันบาทเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งยังมีผู้ตกค้างอยู่บางส่วน แต่ที่เสนอให้เยียวยาเดือนละ 5 พันเป็นเวลา 12 เดือนนั้นต้องใช้งบมากถึง 1.9 ล้านล้านบาท และงบฟื้นฟูอีก 4.4 แสนล้านบาทนั้นยังมีปัญหาอีกหลายเครื่องที่ต้องดำเนินการแก้ไข ไม่สามารถใช้ให้หมดไป และยืนยันไม่ได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาตามมาอีก ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ

 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาเรื่องสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ว่า ต้องดำเนินการทั้งระบบ เช่น แนวทางการลดต้นทุนการผลิต ไม่สามารถที่จะประกันราคาให้สูงเกินไป การดำเนินการของรัฐบาลต้องรอบคอบ

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวเป็นผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เกิดจากความล้มเหลวในการบริการงานของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามประคับประคองให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และเกิดการจ้างงาน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเองเคยคุยกับนายมิ่งขวัญมาหลายรอบแล้ว เคยพูดว่าตนเองว่าพร้อมที่จะเข้ามาช่วยงานเป็นรองนายกรัฐมนตรี “ผมคงไม่รับ ผมมีครบแล้ว มีเต็มแล้ว เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน”

ทันทีที่นายกรัฐมนตรีชี้แจงจบ นายมิ่งขวัญ ลุกขึ้นชี้แจงหลังถูก พล.อ.ประยุทธ์ พาดพิงเรื่องการร่วมรัฐบาลว่า ตนเองไม่ไปร่วมงานกับรัฐบาลแน่นอน นายกรัฐมนตรีชวนก็ไม่ไป อย่าพูดให้คนเข้าใจไขว้เขว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook