ปปช.ไม่หวั่นพัชรวาทเอาคืนส่งทนายฟ้อง

ปปช.ไม่หวั่นพัชรวาทเอาคืนส่งทนายฟ้อง

ปปช.ไม่หวั่นพัชรวาทเอาคืนส่งทนายฟ้อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พัชรวาท เอาคืนฟ้อง 8 ป.ป.ช.เสียงข้างมาก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามมาตรา 157 ไต่สวนชี้มูลสลายม็อบเสื้อเหลือง 7 ต.ค.51 ขัดกม. พร้อมโวยที่ผ่าานมาป.ป.ช.ไม่เปิดโอกาสให้นำพยานเข้าสอบเพิ่ม แถม วิชา มหาคุณ ขาดคุณสมบัตินั่งเก้าอี้กรรมการ ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องบ่าย 14 ธ.ค.นี้ ขณะที่ทนาย เผยศาลนัดไกล่เกลี่ยล่วงหน้า เช้า 2 ธ.ค. พร้อมแจ้งพัชรวาท ส่วนร่วมไกล่เกลี่ยหรือไม่ ขึ้นกับเจ้าตัว สมาคมตำรวจ อัดป.ป.ช.ไม่มีความเป็นกลางคดีชี้มูลความผิดผบ.ตร.

เมื่อวันที่ 10 กันยายน พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ นายกสมาคมตำรวจ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ประธานชมรมข้าราชการตำรวจนอกราชการ และพล.ต.อ.วิรุณ ฟื้นแสง นายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พร้อมอดีตข้าราชการตำรวจ ร่วมกันแถลงถึงกรณีคณะกรรมมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จากเหตุการณ์สลายการชุมนุม 7 ตุลาคม 2551

พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กล่าวว่า การพิจารณาของ ป.ป.ช.ไม่มีความเป็นกลาง เพราะก่อนจะมีการวินิจฉัย มีการระบุว่าการสลายการชุมนุมเป็นความผิด ทำให้เห็นได้ว่าเป็นอคติตั้งแต่แรก แต่ขอเป็นกำลังใจให้กับตำรวจทุกนายว่าอย่าท้อถอย ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถต่อไป และอยากฝากถึงรัฐบาลว่า การปฏิบัติหน้าที่ที่เป็นธรรม คือเป็นเสาค้ำอันมั่นคงของรัฐบาลเอง หลังจากนี้สมาคมจะเข้าไปช่วยเหลือด้านกฎหมายกับผู้ที่ถูกกล่าวหา

ด้านิพล.ต.อ.สล้าง กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจงใจกลั่นแล้งตำรวจ ทำให้การชี้มูลเป็นไปอย่างไม่ยุติธรรม และขอความเห็นจากนายกรัฐมนตรี และ ป.ป.ช.ว่า การชุมนุมในวันที่ 19 กันยายนนี้ จะให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ดูแลกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างไรจะไม่มีความผิด ส่วนการย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น เป็นการสนองผลประโยชน์ทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี ที่จะเลือกตำรวจเข้าไปดูแลเรื่องการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ขณะที่ พล.ต.ต.บุญจิตต์ พันธุมจินดา อดีตข้าราชการตำรวจที่มีความอาวุโสสูงสุด คือมีอายุถึง 94 ปี กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตำรวจถูกกระทำในครั้งนี้ ไม่เคยเห็นวงการตำรวจถูกนักการเมืองแทรกแซงในถึงขนาดนี้

พัชรวาทเอาคืนส่งทนายฟ้องปปช.ข้างมาก

ขณะที่ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.พัชรวาท มอบอำนาจให้นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. , นายกล้าณรงค์ จันทิก , นายใจเด็ด พรไชยา , นายประสาท พงศ์ศิวาภัย ,นายภักดี โพธิศิริ , นายเมธี ครองแก้ว , นายวิชา มหาคุณ และนายวิชัย วิวิตเสวี ซึ่งเป็นกรรมการป.ป.ช. เสียงข้างมาก 8 เสียงที่มีมติชี้มูลความผิด คดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณหน้าอาคารรัฐสภาฯ วันที่ 7 ต.ค.51 เป็นจำเลยที่ 1 - 9 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157

คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องสรุปว่า ระหว่างเดือน ต.ค.51 - ก.ย.52 จำเลยทั้ง 9 ร่วมกันวินิจฉัยชี้มูลความผิดโจทก์ โดยฝ่าฝืนพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช.มาตรา 86 (2) เนื่องจากก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ซึ่งมีชื่อถูกตรวจสอบด้วย ได้ยื่นฟ้องพวกจำเลยต่อศาลอาญาในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบที่ไม่ ยุติการสอบสวนเพื่อชี้มูลความผิด หลังจากที่คดีดังกล่าวมีผู้ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ตัวโจทก์ และพล.ต.ต.อำนวย กับพวกไว้แล้ว

นอกจากนี้จำเลยทั้ง 9 ยังกระทำการที่ขัดต่อ พ.ร.บ. ว่าด้วยป.ป.ช. มาตรา 19 (3) และมาตรา 26 (1) ที่ไม่รวบรวมพยานหลักฐานข้อเท็จจริงให้ครบถ้วน หลังจากที่โจทก์ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้ไต่สวนพยานเอกสารเพิ่ม เติม ขณะเดียวกันระหว่างการไต่สวนเรื่องนี้เมื่อวันที่ 3 ก.ย. 52 โจทก์ยังได้ยื่นหนังสือคัดค้านคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งป.ป.ช.ของนายวิชา มหาคุณ ด้วยว่าขาดคุณสมบัติตามพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช.มาตรา 11 (1) เพราะระหว่างดำรงตำแหน่งนายวิชาประกอบอาชีพอิสระอื่นเป็นอาจารย์บรรยายพิเศษ หลักสูตรนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม และที่สำคัญในการไต่สวนชี้มูลความผิดจำเลยทั้ง 9 ยังได้นำเอกสารการตรวจสอบกรณีดังกล่าวของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาพิจารณาประกอบ ทั้งที่เอกสารดังกล่าวไม่ชอบด้วยพ.ร.บ.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 ข้อ 22

การที่พวกจำเลยได้ร่วมกันวินิจฉัยชี้มูลความผิดโจทก์ ในการสั่งสลายการชุมนุม และแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทำนองว่าโจทก์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าทันทีหลังถูกชี้ มูลความผิด เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียงและต้องพ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ก่อนกำหนดเกษียณอายุ จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย

ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 2172 /2552 โดยนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.

ภายหลังนายบัญชา ทนายความ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า นอกศาลกำหนดวันนัดไต่สวนแล้ว เบื้องต้นยังได้กำหนดนัดคู่ความเพื่อไกล่เกลี่ยกัน ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.ซึ่งตนจะแจ้งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท ทราบต่อไปส่วน แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท จะตัดสินใจร่วมไกล่เกลี่ยหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวท่านเอง


ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโฆษก กล่าวว่า เป็นสิทธิของพล.ต.อ.พัชรวาท ที่สามารถยื่นฟ้องศาลได้ หากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่ง ป.ป.ช.ก็ต้องเตรียมตัวไปแก้คดี โดยจะมีการหารือกันว่าจะต่อสู้คดีอย่างไร โดยอาจประสานไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอให้เป็นทนายความช่วยแก้ต่างคดีให้

อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ป.ป.ช.ให้ความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.พัชรวาท อย่างเต็มที่ และพิจารณาหลักฐานทุกอย่างตามหลักกฎหมาย ไม่มีอคติ ส่วนที่ พล.ต.อ.พัชรวาทอ้าง ว่า ป.ป.ช.ไม่พิจารณาหลักฐานที่ยื่นให้ตรวจสอบเพิ่มเติมนั้น ยืนยันว่า ป.ป.ช.พิจารณาหลักฐานทุกอย่างหมดแล้ว มีการรวบรวมหลักฐานอย่างครบถ้วน ก่อนที่จะมีมติจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ออกมา ดังนั้นจึงไม่หวั่นไหวอะไรทั้งสิ้น

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook