"พ่อรอง" เปิดใจทั้งน้ำตา ส่ง "แม่ทุม" ครั้งสุดท้าย เหมือนใจมันจะขาด ต้องจากลาชั่วนิรันดร์

แชร์เรื่องนี้

แชร์เรื่องนี้Line Twitter Facebook

ยังคงทำใจไม่ได้ สำหรับการสูญเสียภรรยาสุดที่รัก แม่ทุม ปทุมวดี อย่างไม่มีกลับ สำหรับนักแสดงอาวุโส พ่อรอง เค้ามูลคดี โดยครอบครัวได้เตรียมทำพิธีพระราชทานเพลิงศพในช่วงเย็นที่จะถึงนี้

ซึ่งก่อนที่จะถึงพิธีการดังกล่าว พ่อรอง เค้ามูลคดี ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนด้วยความรู้สึกที่มากเกินจะอธิบาย พร้อมยอมรับว่าเหมือนใจมันจะขาดที่ต้องจากลากันชั่วนิรันดร์

"วันนี้ส่งแม่วันสุดท้ายแล้ว รู้สึกเหมือนใจจะขาด เพราะเรารู้ว่ามันต้องจากกันชั่วนิรันดร์ พ่อนอนไม่หลับสักคืนเลย 7 คืนที่ผ่านมา แม่ไม่มาหาเลย เราก็พยายามอยากให้เขามาหาก็ไม่มา"

"แต่ทุกคนที่มาในงาน ให้กำลังใจพ่อดีมาก ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เราไม่เคยเจอมา 40-50 ปี เพื่อนเขา มากันหมด วันนี้บอกได้เลยว่าตอนเผา ไม่รู้ให้แขกนั่งที่ไหน เพราะศาลาใหญ่ จุได้แค่ 400 คน เวลานี้ทางวัดเขาก็เลยเมตตา เปิดศาลาให้อีกศาลาหนึ่ง ก็ไม่รู้จะพอหรือเปล่า แขกน่าจะ 600 คนขึ้น"

ในครอบครัวเราให้กำลังใจอย่างไรบ้าง ?
"เราจับมือกัน ก็รู้แล้ว คือจะล้มหรือไม่ล้ม เราก็ต้องยืนให้ได้ ต้องส่งเขาขึ้นสู่สวรรค์ให้ดีที่สุด"

สวดวันสุดท้ายเมื่อวานนี้ ภาพที่ยุ้ยลงไอจี บีบหัวใจมาก ?
"พ่อเห็นแล้ว ต้องบอกว่ามีลูกชายคนเดียวที่เขาเข้มแข็ง แต่ทางนั้นเขาก็ร้องมาเยอะแล้ว วันที่เสียวันแรกที่โรงพยาบาล เขาก็ร้องเยอะ เขาก็ตั้งใจว่าจากนี้เขาจะไม่ร้อง เพราะเขารู้ว่าพ่อกับน้องอ่อนแอ แต่พอก็ยังไม่รู้ว่าตอนเผาจะเป็นยังไง"

คนส่งกำลังใจให้พ่อรองเยอะ อยากบอกอะไรไหม ?
"ก็ขอบคุณทุกๆ คนมาก ที่ครอบครัวเรายังยืนยันอยู่ได้ ก็เพราะกำลังใจจากทุกๆ ท่านที่ส่งมา ต้องบอกว่าผมจะหาผู้หญิงแบบนี้อีกคงไม่ได้แล้ว อย่าว่าแต่พลิกแผ่นดินหาเลย พลิกแผ่นฟ้าก็ยังหาไม่เจอ เขาเป็นภรรยาที่ดี เป็นแม่ที่ดี เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง ชีวิตครองคู่กันมา 53 ปี ไม่ใช่เพราะพ่อนะ เพราะพ่อเลอะเทอะ พ่อออกนอกลู่ตลอด แต่เพราะแม่เป็นคนประคับประคอง ให้ครอบครัวมีความสุขต้องชมเขา"

ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันลา ยังไงก็เป็นคู่ที่แท้ ?
"อย่าไปคิดว่ามีคู่พ่อคู่เดียว คู่อื่นเขาก็อาจจะมีเหมือนพ่อเหมือนกัน แค่คงไม่มีใครไปถามเขา มันมีลูกคนที่เขารักภรรยามากกว่าพ่อ สามีภรรยาที่เขารักกันยิ่งกว่าพ่อก็มี แต่เขาไม่เคยมีใครถาม แต่คู่ของพ่อมันเป็นคู่ที่ไม่เคยห่างกัน ไปไหนไปด้วยกัน เนี่ยมันเป็นจุดที่พ่อคิด ว่าพ่อดำเนินชีวิตผิดหรือเปล่า ไปไหนไปด้วยกัน นอนก็ต้องจับมือกัน ถ้าวันไหนเราเมาเราไม่จับเขาก็เอื้อมมือมาจับ มันเป็นอย่างนี้ตลอด"

"พอวันนี้รู้ว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เห็นหน้าเขาอีก มันเหมือนใจจะขาด (เสียงสั่นน้ำตาไหล) พ่อเอารูปแม่ไว้ในห้องพ่อ ก็ได้แต่ดูรูปเขา แต่ก็ไม่อยากดู เพราะดูทีไรก็ร้องทุกที ก็อยากจะบอกแม่ ว่าพ่อรักแม่ที่สุด พูดคำเดิม ไม่ว่ากี่ชาติกี่ภพ กี่ปี ก็จะพูดคำเดิม ว่าพ่อรักแม่ที่สุด"

ถามถึงความรู้สึกที่ได้รับพระราชทานเพลิง ?
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสำหรับครอบครัวเรา แล้วก็ตัวของทุมเอง นับว่าเราได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุด ซึ่งเราก็ไม่คิดว่าเราจะได้ เพราะทุกอย่างมันกะทันหัน แล้วพ่อก็ไม่มีเวลาทำอะไรสักอย่างเลย แต่ลูกชายก็พยายามไปขอ เขาก็ใช้สิทธิที่เขาเป็นข้าราชการ แล้วบังเอิญพ่อก็เป็นศิลปินแห่งชาติ ก็เลยขอได้ ทรงโปรดเกล้า ทรงมีพระราชอนุญาตให้"

ถามถึงเรื่องลอยอังคาร ?
"ไปวันอังคาร จองเรือไว้ 30 ที่ เวลานี้คนขยายเป็น 70 ต้องเปลี่ยนลำใหม่ คนอยากไปเยอะ แล้วบอกเลยว่าเย็นนี้คนต้องร้องกันระงม"

ไปลอยที่ไหน ?
"กองเรือยุทธการ สัตหีบ เพราะเป็นที่ๆ เขารักที่สุด เขามองทะเลทุกวัน ซึ่งจะลอยหมด ไม่เก็บไว้ ไม่งั้นเราจะยิ่งแย่ ให้เขาไปมีความสุขในท้องทะเลที่เขารัก"

วันนั้นจะบอกแม่ทุมไหมว่าจะขอเป็นคู่กันทุกชาติไป ?
"พระท่านห้ามพูดนะ ไม่งั้นจะผูกพันกันอยู่อย่างนี้ เราก็บอกท่านว่า แต่ยังไงผมก็ต้องพูด เพราะผมไม่คิดว่าชีวิตผมจะเจอคนดีขนาดนี้ (เสียงสั่น) ก็ยืนยันคำเดิม จะเกิดชาติไหนภพไหนก็ขอให้เจอกัน อยากคู่กันทุกชาติไป จะลำบากแค่ไหน เราก็จะฝ่าฟันไปด้วยกัน"