สุเทพ บอกรู้แล้วมีคนจ้องเล่นใต้ดิน สั่งเฝ้าระวังบ้านองคมนตรี!

สุเทพ บอกรู้แล้วมีคนจ้องเล่นใต้ดิน สั่งเฝ้าระวังบ้านองคมนตรี!

สุเทพ บอกรู้แล้วมีคนจ้องเล่นใต้ดิน สั่งเฝ้าระวังบ้านองคมนตรี!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"สุเทพ"สั่ง"ธานี"ให้ทุกพื้นที่ตื่นตัวหลังบ้าน"วิชา"ถูกปาระเบิด ย้ำดูแลบ้านคนสำคัญ เน้นองคมนตรีหรือองค์กรอิสระ บอกรู้อยู่แล้วมีคนจ้องเล่นงานใต้ดินให้บ้านเมืองวุ่นวาย "สนธิ"เชื่อคนในเครื่องแบบเกี่ยวข้อง "ธานี"ยังไม่ปักใจฝีมือใคร

"สุเทพ"อ้างรู้มีคนจ้องเล่นใต้ดิน

กรณีคนร้ายขว้างระเบิดบ้านเก่านายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เจ้าของสำนวนคดีดัง รวมทั้งคดีสลายม็อบ7ต.ค. เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.40 น. ที่บ้านเลขที่ 250 ถนนสิรินธร 2 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด ซึ่งที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น อยู่บนพื้นที่ประมาณ 85 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด โดยกันสาดด้านหน้า กระจกประตูด้านหน้าและหน้าต่างของบ้าน รวมไปถึงกระจกรถยนต์และกระจกหน้าต่างบ้านข้างเคียง ถูกแรงระเบิดทำให้ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบกระเดื่องระเบิดชนิดเอ็ม 69 ตกอยู่ที่บริเวณด้านบนของกันสาดจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยขณะเกิดเหตุไม่มีผู้คนพักอาศัย ซึ่งบ้านดังกล่าวเคยเป็นของนายวิชามาก่อน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า หลังจากที่ได้ทราบข่าว ได้โทร.ติดต่อกับ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้สั่งการให้ทุกพื้นที่ตื่นตัวเฝ้าระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้ดูแลบ้านพักของบุคคลสำคัญๆ เช่น องค์กรอิสระ หรือองคมนตรี เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นอีก ถ้าตำรวจได้เฝ้าระวังให้แข็งแรง จะทำให้คนที่คิดจะทำอะไรที่เป็นความเสียหายต่อบ้านเมืองได้เลิกคิด

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับ การที่ ป.ป.ช.ชี้มูลเหตุการณ์ 7 ตุลาคม หรือไม่นั้น นายสุเทพกล่าวว่า "ไม่ชี้ไปทางไหนทั้งสิ้น เดี๋ยวจะทำให้บ้านเมืองสับสนไปมากกว่านี้"

ผู้สื่อข่าวถาม ห่วงหรือไม่แม้รัฐบาลจะกุมสภาพบนดินได้ แต่ต่อไปจะมีคนเล่นใต้ดินกันมากขึ้น นายสุเทพกล่าวว่า "ก็รู้อยู่แล้วว่ามีคนพยายามทำงานใต้ดิน นอกระบบเพื่อให้บ้านเมืองมันวุ่นวาย เราก็ต้องช่วยกันปกป้องดูแล นี่ก็ประเทศของเรา บ้านเมืองของเราทุกคน เราคนไทยต้องช่วยกัน"

"สนธิ"เชื่อทหาร-ตร.เกี่ยวข้อง

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ ตำรวจหรือทหารน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง และขอประณามกลุ่มคนที่ก่อเหตุ อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นบทพิสูจน์ว่าประชาชนต้องพึ่งพาการทำงานขององค์กรอิสระอย่าง ป.ป.ช.ในการอำนวยความยุติธรรม ส่วนนายวิชานั้น เป็นบุคคลที่มีจริยธรรม ซื่อสัตย์ สุจริต มุ่งมั่นทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง แม้จะถูกข่มขู่ก็ไม่ยอมหยุดทำหน้าที่เพื่อชาติ

"ธานี"ยังไม่ปักใจฝีมือฝ่ายไหน

พล.ต.อ.ธานี กล่าวตอบข้อซักถามเรื่องนี้เกี่ยวกับการตัดสินคดีการสลายการชุมนุมหรือไม่ว่า ยังไม่สามารถตอบได้ เช่นเดียวกับการจะระบุว่าเป็นมือที่ 3 มาก่อกวนหรือไม่ จะพูดลอยๆ ไม่ได้ ต้องมีพยานหลักฐานเสียก่อน ซึ่งคุยเรื่องแนวทางการสืบสวนไว้แล้วแต่จะบอกทันทีตอนนี้ว่าสาเหตุจากประเด็นใดบ้างคงยังบอกไม่ได้ และยังไม่จับตากลุ่มไหนเป็นพิเศษ

"อย่าไปปักใจทันที ว่าต้องเป็นประเด็นไหน ต้องดูให้กว้างๆ ครอบคลุม ให้ละเอียด ถ้าเราไปปักใจทันทีในเรื่องใดเรื่องหรือข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน ไม่ละเอียด แต่ประเด็นผู้เสียผลประโยชน์จากการทำงานของนายวิชาก็เป็นประเด็นหนึ่งที่เราดูอยู่ ผมส่งเจ้าหน้าที่ไปคุยกับท่านวิชาแล้ว ท่านก็ขอให้ช่วยดูแลให้ ทั้งตัวท่านเองและท่านอื่นๆ ด้วย ไม่มีการเลือกว่าเป็น ป.ป.ช.กลุ่มเสียงข้างน้อยข้างมาก เราดูแลทั้งหมด ซึ่งเดิมมีแผนอยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นก็ต้องกำชับไป และเชื่อว่าผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบตรงนี้ต้องรู้หน้าที่และลงไปดูแลอยู่แล้ว"พล.ต.อ.ธานีกล่าว

ส่วนที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเชื่อทหารและตำรวจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นั้น พล.ต.อ.ธานีกล่าวว่า "จริงหรือ เรื่องนี้ต้องไปตรวจสอบ" พล.ต.อ.ธานีกล่าว

มุ่งเป้า"วิชา"เจ้าของใหม่ไม่มีศัตรู

พ.ต.ต.กิตติศักดิ์ พฤกษ์สุวัฒน์ สว.สส. หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.กล่าวว่า ได้นำภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดซึ่งเป็นของบริษัทแห่งหนึ่งและร้านสะดวกซื้อมาตรวจสอบ เบื้องต้นการสืบสวนยังไม่มีความคืบหน้า ประเด็นสาเหตุสันนิษฐานว่าคนร้ายที่มาก่อเหตุน่าจะเข้าใจผิดว่าบ้านเป็นของนายวิชา ประเด็นอื่นๆ ยังไม่ตัดทิ้ง สำหรับนางยุวลักษณ์ เวชวิทยาขลัง อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี เจ้าของบ้านคนปัจจุบันนั้นตรวจสอบไม่พบว่ามีความโกรธแค้นกับผู้ใด ส่วนการป้องกันได้จัดกำลังฝ่ายสืบสวนและสายตรวจเข้าตรวจเพิ่มความระวังเป็นพิเศษ จากเดิมที่นำตู้แดงมาติดตั้งก่อนหน้าแล้ว

อย่างไรก็ตาม สอบปากคำนางจุฬารัตน์ อื้อพรรณรังษี อายุ 44 ปี ผู้จัดการฝ่ายขาย โรงแรมแลนด์มาร์ค น้องสาวเจ้าของบ้าน ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 04.00 น. นอนอยู่บนชั้นสองซึ่งติดกับบ้านที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงรถยนต์คล้ายรถกระบะขับผ่านไป จากด้านซอยจรัญสนิทวงศ์ 67 ขณะที่รถขับผ่านไปก็ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด จึงออกมายืนดูที่หน้าต่างแต่เห็นเพียงรถกระบะขับไปด้วยความเร็ว ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเช้ามืดทำให้ไม่เห็นรายละเอียดมากนัก

นางยุวลักษณ์ เวชวิทยาขลัง อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เดิมบ้านดังกล่าวเป็นของนายวิชา โดยได้ซื้อต่อเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาในราคา 5 ล้านบาท ปกติก็ไม่มีเรื่องอะไรกับใคร คาดว่าคนร้ายน่าจะคิดว่าบ้านหลังนี้ยังเป็นของนายวิชาอยู่ เพราะก่อนหน้าที่จะซื้อนายวิชาเคยมาดูแลต้นไม้ภายในบ้านเป็นประจำ และตอนที่ยังไม่ซื้อทราบว่าก็เคยถูกคนร้ายยิงใส่ตัวบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยหลังจากนี้จะต้องเอาป้ายมาติดไว้ว่า เจ้าของเก่าได้ขายแล้ว เพื่อป้องกันเหตุร้าย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook