"ณิชา ณัฏฐณิชา" จากเด็กหลังห้องสู่นางเอกหน้าใส และรักที่ไม่ได้สำคัญแค่คำว่า "แฟน"
เป็นนางเอกสาวที่ฉายแววโดดเด่นและค่อยๆ เติบโตในวงการบันเทิงพร้อมพัฒนาการและบทบาทที่หลากหลาย สำหรับสาวหน้าหวาน ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ สาวน้อยขวัญใจแฟนละคร ที่ตอนนี้กำลังโชว์ฝีมือในผลงานชิ้นล่าสุด ที่เจ้าตัวบอกเลยว่ายากและทำการบ้านหนักกับบท "ใกล้รุ่ง" ในละครรักสุดซับซ้อน ซ่อนเงื่อน "วาสนารัก" หนึ่งในจักรวาลนครสวรรค์ ต่อเนื่องมาจากเรื่อง "ทุ่งเสน่หา" ออกอากาศทางช่อง 3 ที่ออกอากาศเพียงไม่กี่ตอนก็ได้รับการตอบรับจากแฟนๆ ที่รอคอยเป็นอย่างดี
และนอกจากความสามารถด้านการแสดงแล้วสิ่งที่แฟนๆ จับตาเป็นอย่างมากก็หนีไม่พ้นเรื่องราวกุ๊กกิ๊กๆ กับหนุ่มคนสนิท โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ที่ตอนนี้เรียกว่ามีกันและกันอยู่ในแทบทุกๆ กิจกรรมในชีวิต และหลายคนก็รอคอยเหลือเกินว่าเมื่อไหร่ทั้งคู่จะเลื่อนสถานะเป็นแฟนกัน
งานนี้พลาดไม่ได้ sanook.com ขอพาตัวสาวสวยคนนี้มาพูดคุยเปิดความรู้สึก ความเห็น มุมมองในด้านต่างๆ ของชีวิตของเธอ รวมทั้งค้นทุกความจริงในความสัมพันธ์ของเธอและหนุ่มโตโน่ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
รับบทหิน จากสาวใสสู่นางเอกลิเกสุดดราม่า
เปิดตัวมาอย่างสวยงามสำหรับละคร "วาสนารัก" การทำงานเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
"ในเรื่องรับบทเป็น "ใกล้รุ่ง" ค่ะ ลูกสาวของ "ผไท เทพทอง" และ "ดวงมณี" เป็นครอบครัวลิเก ตัวใกล้รุ่งเขาจะเป็นคนนิ่งๆ เฉยๆ เป็นเด็กเรียบง่ายแต่สดใส ไม่มีพิษภัย เป็นตัวละครที่เป็นสีขาวมากๆ และเป็นคนรักครอบครัว แต่สิ่งที่ท้าทาย คือ ตัวบทแรกๆ อาจจะคิดว่าเส้นชีวิตเขาเรียบๆ นิ่งๆ แต่จริงๆ แล้วมันมีเรื่องหักมุมต่างๆ ที่ใกล้รุ่งต้องเจอ จากชีวิตธรรมดาๆ ไปจนถึงจุดพีคๆ ซึ่งเราเองต้องตีความและพัฒนาตามอารมณ์ ความคิด ของตัวละครให้ได้ค่ะ"
เห็นว่าหินสุดๆ ก็เป็นเรื่องการสวมบทเป็นนางเอกลิเก?
"ใช่ค่ะ เป็นความท้าทายมากๆ เพราะในเรื่องใกล้รุ่งต้องเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากทั้งเรื่องร้อง เรื่องรำ แต่ดีที่ว่าซีนร้องรำจะไปอยู่ช่วงเด็กมากกว่า(หัวเราะ) ตอนโตเราก็ต้องมีเล่นนิดนึงถึงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ตั้งใจทำมาก อยากทำออกมาให้ดีที่สุดเพราะลิเกก็เป็นศิลปะ วัฒนธรรมที่อยู่คู่คนไทยมานาน เมื่อเรามีโอกาสได้ถ่ายทอดออกมาเราก็อยากทำให้ออกมาดี"
"ด้วยตัวณิชาเองไม่เคยดูลิเกเลย ไม่เคยสัมผัสเลย ก็เรียกว่าค่อนข้างไกลตัว ก่อนถ่ายทำก็เลยต้องเรียน ทั้งเรื่องท่าทาง ความอ่อนช้อย การรำ รวมถึงสายตาต่างๆ เพื่อจะถ่ายทอดออกมาให้ใกล้เคียงนางเอกลิเกที่สุดนับเป็นเรื่องที่ท้าทายมากค่ะ"
ซีนดราม่าก็หนักมากเหมือนกันใช่ไหม?
"ดราม่าหนักมากค่ะ เป็นบทที่ทั้งเครียด ทั้งอึดอัด เหมือนช่วงชีวิตเขาต้องเจอเรื่องที่ใครก็เจอก็อาจจะรับไม่ไหว เป็นใครก็ต้องเครียด ด้วยความที่ใกล้รุ่งเป็นคนเก็บทุกอย่างมาคิดคนเดียว ไม่พูดให้คนอื่นเครียด ก็เลยกลายเป็นคนแบกโลกทุกอย่างไว้กับตัวเอง เราก็ต้องแสดงออกไปให้ได้ว่าเขาเป็นแบบนั้น ต้องสื่อออกมาให้เห็นถึงความทุกข์ในใจเขาให้ได้ด้วยค่ะ"
กดดันไหม เพราะจักรวาลนครสวรรค์ทำมาได้ดีทุกเรื่องเลย?
"ตั้งใจทำมากแต่ไม่ได้กดดันค่ะ เพราะคิดว่ากดดันไปก็น่าจะไม่ได้มีอะไรดีขึ้น เราพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ดีกว่า ก็ต้องฝากคุณผู้ชมทุกคนไว้ด้วย มาลุ้นกันว่าเรื่องราว และผลงานที่เราตั้งใจทำกันมากๆ จะออกมาเป็นยังไง"
อยากฝากบอกอะไรกับแฟนๆ ที่ติดตามละคร "วาสนารักอยู่ไหม"?
"ฝากให้ทุกคนชมละครเรื่องนี้ด้วยค่ะ รับรองว่าครบทุกรส ใครที่ติดตามจักรวาลนครสวรรค์มา เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่หวังว่าจะถูกใจแฟนๆและหวังว่าผู้ชมทุกคนจะสนุกไปกับพวกเราค่ะ"
จากเด็กหลังห้องสู่นางเอกสาวอนาคตไกล
ณิชาอยู่วงการมากี่ปีแล้ว ปรับตัวกับวงการนี้ได้หรือยัง?
" 8 ค่ะ รู้สึกว่าไวมาก ไม่อยากจะเชื่อเลย ก็เข้ามาตั้งแต่อายุ 17 ปี ยาวมาจนถึงตอนนี้เลย"
"ตอนนี้ก็รู้สึกคล่องตัวมากขึ้นค่ะ พอเราเข้ามาอยู่ในวงการ มาเจอคน มาเจอการทำงาน เราก็ได้เรียนรู้ ตอนแรกๆ ที่เข้ามาเราอาจจะยังปรับตัวไม่ค่อยได้ ไม่รู้จะเข้าหาคนที่เราทำงานด้วยยังไง หรือ จะคุยกับใครยังไง เจอผู้ใหญ่ก็ยังเกร็งๆ แต่พอมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกคล่องตัวมากขึ้น เข้าใจการทำงานของวงการนี้มากขึ้นค่ะ"
ถ้าย้อนกลับไปตอนเด็กๆ เราอยากเป็นนักแสดงอยู่แล้วหรือเปล่า?
"ไม่เลยค่ะ เป็นคนไม่ถนัดด้านนี้เลย ด้วยตัวตนณิชาตั้งแต่เด็กไม่ได้เป็นเด็กหน้าห้อง เราเป็นเด็กหลังห้องที่ชอบซ่อนตัวเงียบๆ ไม่ชอบยืนอยู่หน้าผู้คน จนตอนนี้เองก็ยังเป็นอยู่นะคะ ถ้าต้องขึ้นไปพูดบนเวทีคนเดียวให้คนหลายๆ คนฟัง ก็ยังตื่นเต้น แล้วเหมือนอยู่ดีๆ สมองก็จะโล่ง ข้อมูลตัดหายไปหมดเลย ยังเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายสักที (หัวเราะ) เราจะไม่ชิน ไม่ชอบเป็นคนที่ให้คนจ้องมองเยอะๆ เลย แต่พอเราได้มีโอกาสมาทำงานแสดงเรารู้สึกสนุกเพราะเราแสดงเป็นคนที่ไม่ใช่ตัวเรา ก็เลยอยู่กันมายาว 8 ปีเลย"
ตัวตนจริงๆ ของณิชานอกจากเป็นเด็กหลังห้องแล้วชอบทำอะไรอีก?
"ชอบวาดรูปค่ะ ชอบนั่งวาดรูปไปเรื่อยๆ ถ้าได้วาดรูปก็สามารถนั่งวาดได้ตั้งแต่เช้ายันดึกได้เลย จริงๆ ก็เคยใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะมาเป็นนักแสดง ได้ไปเรียนศิลปะ คุณพ่อพาไปทิ้งไว้ตั้งแต่เช้า เราก็นั่งวาดรูปจนพ่อไปรับอีกทีตอนห้าทุ่ม ตอนเด็กๆ ก็เคยคิดว่าไม่ต้องมีเงินเยอะๆ ก็ได้ ขอแค่ได้วาดรูปไปเรื่อยๆ แต่ในช่วงที่เราหาอยู่ว่าเราอยากเรียนไปทางศิลปะด้านไหน ก็มีโอกาสทางงานแสดงเข้ามาก็เลยลองดูก่อน แต่ถ้ามีเวลาว่างก็ยังวาดรูปอยู่ตลอดๆ ค่ะ"
แล้วเรื่องการรับมือกับการวิพากษ์วิจารณ์ทางโซเชียลล่ะ เรามีวิธีรับมือยังไง?
"ที่ผ่านมา ดีที่ยังไม่ค่อยเจอเรื่องอะไรหนักๆ ค่ะ แต่ปกติจะเป็นคนไม่ค่อยอ่านอะไรที่เป็นลบๆ แต่ถ้าอ่านก็รู้สึกว่าเรากรองได้ว่าคนที่เขาเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ เข้ามาคอมเมนต์เขามีเจตนาต้องการอะไร คอมเมนต์ไหนที่จริงใจ หวังดีจริงๆ หรือ ถ้าบางทีเข้ามาว่าเราแต่ถ้าสุดท้ายแล้วเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ เราก็มีสิทธิที่จะพูดในสิ่งที่เราเป็น แต่คนจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นสิทธิของเขา มันไม่ใช่ปัญหาของเราค่ะ"
"โลกโซเชียลสำหรับณิชาเหมือนเราแบ่งไว้เป็นอีกโลกนึง มันไม่ใช่โลกชีวิตจริงของเรา แต่ถามว่ามันสะท้อนให้เราเห็นอะไรไหม มันก็มี แต่เราจะต้องเลือกใส่ใจจริงๆ เช่น มีคอมเมนต์มาว่าเราว่า "ไม่สวย" อันนี้เราก็ช่วยไม่ได้ เขาอาจจะไม่ชอบ แต่มันไม่ใช่ปัญหาของเรา เพราะเราก็เป็นของเราแบบนี้ อย่างที่บอกว่าเราแยกไว้เป็นอีกโลกหนึ่ง โลกความจริงของเราแค่เราเจอใครแล้วเราจริงใจให้กันแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ"
เขาบอกว่า "หนูไม่เรียบร้อย"
ก่อนหน้านี้ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่ว่าเราไม่ได้เรียบร้อยเหมือนในจอ?
"ใช่ ก็ไม่ใช่คนเรียบร้อย แล้วก็ไม่เคยบอกให้ใครมองว่าเรียบร้อย แล้วก็ไม่เคยพูดด้วยค่ะว่าเป็นคนเรียบร้อย (หัวเราะ) จริงๆ เป็นคนชอบทำอะไรลุยๆ ชอบเข้าป่า ลงทะเล ทำกิจกรรมลุยๆ ค่อนข้างเป็นคนขี้เล่นมากกว่า เราเป็นคนที่สนุกกับการใช้ชีวิตของเราโดยที่ไม่ไปทำให้ใครเขาเดือดร้อน"
เชื่อว่า 8 ปี ที่ผ่านมต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์แรงๆ บ้าง เราแอบนอยด์บ้างไหม?
"มีนอยด์เหมือนกันค่ะ แต่เรานอยด์จนถึงจุดนึงเราจะรู้สึกขึ้นมาว่าพอได้แล้ว พอเรารู้สึกพอกับตัวเองแล้วเราก็มูฟออน แต่เราก็รู้สึกว่าแต่ละช่วงเวลาเราก็ทำเต็มที่ เต็มความสามารถของเราแล้ว"
เพราะความสัมพันธ์ไม่ได้สำคัญที่นิยาม
อย่างเรื่องความรักก็โดนจับตามองไม่น้อย รู้สึกยังไงบ้าง?
"ใครๆ ก็จับตามองเรื่องความรักเป็นธรรมดาค่ะ (หัวเราะ) แต่ณิรู้สึกว่า ไม่ว่าคนจะจับตามองยังไง ยังไงซะความรักมันก็เป็นเรื่องของคนสองคนอยู่ดี เราไม่ได้แคร์ว่าใครจะมองว่ายังไง มันอยู่ที่คนสองคนมากกว่าว่าเราแฮปปี้ยังไง ครอบครัวของเรารู้สึกยังไง ส่วนคนอื่นๆ เขาก็มีสิทธิที่จะออกความคิดเห็น แต่ที่สุดแล้วมันคือชีวิตเรา ไม่ใช่ชีวิตเขาค่ะ "
"บางทีเราโดนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความรักเราก็มองว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกของสังคมนี้ที่ทุกคนมีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป แต่เรารู้ดีที่สุดค่ะว่าเราเป็นคนยังไง และความจริงคืออะไร เพราะฉะนั้นเราไม่เห็นจำเป็นต้องสนใจเลย เราไม่จำเป็นต้องให้คนทั้งโลกรู้ว่าเราเป็นคนยังไง และเราก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนความคิดของทุกคน เรามีหน้าที่พูดความจริง ถ้าพูดไปแล้วเขาไม่เชื่อก็เป็นสิทธิของเขาค่ะ"
มาถึงเรื่อง "โตโน่ ภาคิน" บ้าง ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ตอนนี้เป็นยังไงกัน?
"ก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นเลยค่ะ (หัวเราะ) ก็เป็นความสัมพันธ์ที่ดี หวังดีต่อกัน มีสิ่งที่ดีให้กัน ณิชามองว่าสำหรับความสัมพันธ์ของมนุษย์แค่มีสิ่งดีๆ ให้กันแค่นี้มันก็ดีมากแล้วค่ะ"
ขออนุญาตถามตรงๆ เลยว่าเป็นแฟนกันหรือยัง ?
"(ยิ้ม) อืม....คือ ต้องบอกก่อนเลยค่ะว่า ณิชาไม่รู้ว่าทำไมคนถึงต้องการคำนี้ เคยเห็นคอมเมนต์หนึ่ง ที่เป็นคอมเมนต์ที่ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ บอกประมาณว่า "ก็แค่พูดออกมาว่าเป็นแฟน ทำไมถึงไม่พูด" แต่สำหรับเรา เรามองว่าก็ปากเรา (หัวเราะ) เราสบายใจจะพูดอะไรก็พูดแบบนั้น แต่เราแยกแยะนะคะ สำหรับคอมเมนต์ที่มาเชียร์น่ารักๆ เราก็ขอบคุณที่ซัพพอร์ต ที่เชียร์เราค่ะ"
"แค่รู้สึกว่าคำว่าแฟน มันจำเป็นขนาดนั้นเชียวเหรอ เรามองว่าคำว่าแฟนมันไม่ได้สำคัญ ถึงคุณจะใช้คำว่าแฟนกันแต่ไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ ต่อกันแล้วมันจะสำคัญอะไร สิ่งที่สำคัญคือความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันมากกว่า ซึ่งความรู้สึกต่อคนคนหนึ่งเราไม่สามารถจำกัดความออกมาเป็นคำเดียวได้ แต่คนอื่นอาจจะมองว่าต้องมีสถานะ แต่สำหรับเรา เรามองว่ามีสถานะจะมีประโยชน์อะไรถ้าใจคุณไม่ได้อยู่กับเรา ที่สำคัญ คือ ใจคนมากกว่า ก็เลยไม่รู้ว่าตอนนี้จะเรียกคามสัมพันธ์นี้ว่าอะไร"
ถ้ามีคนถามว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน เราจะตอบว่าอะไร?
"ณิชากับพี่โน่เป็นคนที่คอยซัพพอร์ตกัน และ หวังดีมากๆ อยากให้เขาเจอแต่สิ่งดีๆ เรื่องดีๆ ในชีวิตเขา ก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะอย่างที่บอกว่าณิไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำว่าแฟน ไม่รู้ว่าทำไมต้องจำกัดความให้เป็นคำไหนสักคำ แค่ทุกวันนี้มันเป็นแบบนี้ อย่างที่ทุกคนเห็นก็แค่นั้นค่ะ ภาพออกมาเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้น ไม่มีคำจำกัดความที่เป็นทางการเลย (หัวเราะ) ต่างคนก็ต่างใช้ชีวิต ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำเพียงแต่ว่าคอยซัพพอร์ตกันและกัน"
เรียกว่าเขาเป็นคนพิเศษคนหนึ่งในชีวิตเราได้ไหม?
"ก็พิเศษนะคะ เพราะว่าเราสนิกันมากๆ และรู้สึกว่าเขาเป็นคนนึงในชีวิตเราที่ดีมากๆ เขาก็ถือว่าเป็นคนพิเศษในชีวิตเรา และก็เป็นคนสำคัญเพราะเราอยากให้เขาเจอแต่สิ่งที่ดีค่ะ"
คุณแม่ของเราก็สนิทกับโตโน่มากเหมือนกัน ท่านถามเรื่องของเราสองคนบ้างไหม?
"ไม่ได้ถามอะไรค่ะ เพราะแม่ก็เห็นอยู่แล้วว่าเราเป็นยังไง ก็นั่นแหละค่ะ เห็นภาพเป็นยังไงก็เป็นแบบนั้น หนูก็ไม่รู้จะพูดยังไง (หัวเราะ)"
เคยคุยกับโตโน่ไหมเรื่องที่หลายๆ คนรอสถานะของเราสองคน?
"ก็เคยพูดนะคะ เหมือนเราก็ไปบ่นๆ ว่าทำไมๆ เขาก็ไม่ได้ว่ายังไง เราก็บ่นๆ เฉยๆ"
แล้วถ้าสมมติว่าวันหนึ่งเขามาขอเราเป็นแฟน เราจะว่ายังไง?
"อันนั้นก็ต้องว่ากันอีกที (หัวเราะ) แต่วันนี้สิ่งนั้นมันยังไม่มาถึง เราว่าการใช้ชีวิตแบบนี้มันก็แฮปปี้ดีค่ะ"
ถ้าตอนนี้คนเรียกเราว่าแฟนโตโน่ เราโอเคไหม?
"แล้วแต่เขาค่ะ (หัวเราะ) จะคิดแบบนั้นก็คิดเลย เพราะอย่างที่บอกเราห้ามความคิดใครไม่ได้ ใครจะคิดก็คิดได้หมดเลยค่ะ เราจะไปยืนบอกเขาว่ามันไม่ใช่ เราก็คงไม่ทำแบบนั้น ถ้าเขามองเราสองคนแล้วเขาคิดว่าแบบนี้มันใช่ก็โอเคค่ะ"
ตอนนี้มุมมองเรื่องความรักเราเป็นยังไง?
"ไม่ได้มองอะไรไปไกล แค่ทำทุกวันนี้ให้มีความสุขก็พอแล้ว เอาจริงๆ ขนาดภาพแต่งงานยังไม่มีในหัวเลย เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วณิไม่เคยเป็นคนที่วาดฝันว่าต้องแต่งงาน บางทีก็คิดนะว่าไม่ต้องแต่งงานก็ได้ เพราะเราเฉยๆ กับการแต่งงานมาก อาจจะเป็นคนแปลกนิดนึง (หัวเราะ) แต่สมมติว่าวันนึงที่เรามีคนรักแล้วเขามาขอแต่งงาน ถึงวันนั้นเราก็ต้องดูกันอีกที แต่ตอนนี้ยังเฉยๆ อยู่ แค่ทำทุกวันให้มันดีก็พอแล้วค่ะ"
สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ ที่อยู่เคียงข้างณิชามาตลอดไหม?
"อยากจะขอบคุณทุกๆ คนเลยค่ะ ที่คอยซัพพอร์ตและเคียงข้างกันมา เราอยู่กันมานานมากจริงๆ ก็อยากให้อยู่กันแบบนี้เล่นสนุกไปด้วยกันตลอดไปเลยค่ะ"
มีความคิดชัดเจนและค่อนข้างเปิดใจกว้างแบบนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวณิชาถึงมีแฟนๆ คอยซัพพอร์ตและให้กำลังใจมากมายขนาดนี้ ก็ทั้งสวย ทั้งขี้เล่น เป็นใครก็หลงรัก ใช่ไหมพี่โน่ เอ้ย! ใช่ไหมจ๊ะแฟนๆ
อัลบั้มภาพ 35 ภาพ