กล้านรงค์ ยันรู้ตัว 2 ตร.ค้นหาที่อยู่ป.ป.ช.
กล้านรงค์ ระบุ รู้ตัว พ.ต.ท. และ พ.ต.อ. ที่เข้าค้นหาที่อยู่ 9 ป.ป.ช.แล้ว แต่ไม่คิดมากอาจแค่หาช่องขอความเป็นธรรม ย้ำ ไม่เอาบอดี้การ์ด
(12ก.ย.) นายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ป.ป.ช.) กล่าวว่า ได้รับรายงานกรณีตำรวจใช้รหัสผ่านเข้าไปดูข้อมูลในทะเบียนราษฎร์ของคณะกรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คนแล้ว และกรรมการป.ป.ช.ทุกคนทราบเรื่องนี้ เท่าที่ทราบเป็นการเข้าดูข้อมูลในทะเบียนบ้านว่า มีใครบ้าง ชื่ออะไร หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนอะไร ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าไปดู หากมีรหัสผ่าน
โดยวันที่ 7 กันยายนมีตำรวจคนหนึ่งเข้าไปดูข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช.กับตน ช่วงเวลา 22.00 น. ส่วนวันที่ 8 กันยายน มีตำรวจอีกคนเข้าไปดูข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของนายวิชัย วิวิตเสวี นายภักดี โพธิศิริ นายเมธี ครองแก้ว นายประสาท พงษ์ศิวาภัย ส่วนข้อมูลของนายวิชา มหาคุณ กับ น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล ไม่พบการเปิดข้อมูลเข้าค้นหา ตนไม่ทราบว่า ตำ รวจที่เข้ามาดูมีวัตถุประสงค์อะไร และเชื่อมโยงกับเหตุปาระเบิดบ้านนายวิชา มหาคุณ หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบมีรายชื่อและหลักฐานการเข้าไปสืบค้นข้อมูลของตำรวจทั้งสองคนเรียบร้อยแล้ว เพราะผู้ที่จะเข้าไปดูข้อมูลส่วนนี้ต้องกรอกรหัสผ่านส่วนตัว
นายกล้านรงค์ กล่าวถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยแก่กรรมการป.ป.ช. ว่า ขณะนี้มีตำรวจท้องที่มาดูแลความปลอดภัยที่บ้านกรรมการป.ป.ช.ทุกคนแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอกำลังทหารมาดูแลเพิ่มเติม เพราะตำรวจยังทำหน้าที่ดี ป.ป.ช.ทุกคนมีกำลังใจดี ตนยังดำเนินชีวิตปก ติ เพราะยึดหลักว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดตามดวง ถ้าถึงคราวไปจากโลกนี้ก็ต้องไป การมาทำงานหน้าที่นี้ ถ้าทำดีแค่เสมอตัว ทำไม่ดี มีอคติก็ขาดทุน ต้องถูกลงโทษ
ด้านนายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช. ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนคดีสลายม็อบ วันที่ 7 ตุลาคม 2551 ซึ่งมีข่าวว่าตกเป็นเป้าการก่อเหตุเช่นเดียวกับนายวิชา มหาคุณ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุปาระเบิดใส่บ้านเก่านายวิชาไป ปรากฏว่าตำรวจส่งกำลังมาอารักขารอบบ้านเพิ่มเติม จากเดิมที่มีเพียงการติดตู้แดงให้สายตรวจมอบคอยตรวจตราเท่านั้น นอกจากนี้ตำรวจยังแนะนำให้ปรับมุมกล้องวงจรปิดรอบบ้านให้เหมาะสมด้วย
"ส่วนตัวก็ไม่คิดว่าคนร้ายจะมาก่อเหตุอีกแล้ว เพราะสิ่งที่เขาทำ ยิ่งทำก็เสีย คนทั่วไปยอมรับวิธีการป่าเถื่อน ที่ทำไปก็แค่ความสะใจเท่านั้นแหล่ะ" นายวิชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า แรงจูงใจคนร้ายจะมาจากคดีสลายม็อบ 7 ตุลาฯหรือไม่ นายวิชัย กล่าวว่า เรื่องคดีอาจมีความเป็นไปได้ โดยขณะนี้มีคดีทีเจ้าหน้าที่ตำรวจตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา และอยู่ระหว่างรอป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลอีก 2-3 คดี แต่คิดว่าไม่น่าเป็นห่วงอะไร
เมื่อถามว่า ต่อไปต้องให้ตำรวจจัดทีมมาคอยอารักขาเหมือนกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิชัย กล่าวว่า ตำรวจทำหน้าที่ดู แลความปลอดภัย แต่ถ้าจะจัดทีมมาคอยอารักขาเป็นบอดี้การ์ด ตนก็ขอขอบคุณ แต่คงจะปฏิเสธไป เพราะปกติไปไหนมาไหนคนไม่รู้จักอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีนายตำรวจยศระดับนายพันเจาะฐานข้อมูลเพื่อหาที่อยู่กรรมการป.ป.ช.แต่ละคน นายวิชัย กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปว่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนที่เข้าไปดูข้อมูลอาจแค่อยากติดตามคดี หรือหาช่องทางขอความเป็นธรรมต่อป.ป.ช.แต่ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนก็เป็นได้ อย่าไปมองอะไรแง่ร้ายนัก ไม่เช่นนั้นประสาทอาจรับประทาน กรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ตนก็ไม่คิดว่าจะมีใครมองแง่ร้าย และขณะนี้กำลังใจทุกคนก็ยังดีอยู่
ผู้สื่อข่าวถามกรณีพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ให้ทนายฟ้องร้องป.ป.ช.ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังให้ทีมกฎหมายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังศึกษากรณีที่ พ.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ หรือ ฤทธิรงค์ เทพจันดา หรือ"โอ๋ สืบหก" ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัย กรณีปล่อยให้ชายฉกรรจ์ทำร้ายผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตร หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิร์ล ที่เดินทางไปไปฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ แล้วศาลตัดสินให้ พ.ต.อ.ธนายุตม์ กลับเข้ารับราชการตามเดิม นายวิชัย กล่าวว่า การฟ้องร้องเป็นสิทธิ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่สามารถกระทำได้ แต่ตามกฎหมายเมื่อป.ป.ช.มีมติชี้มูลคดีให้แล้ว มติดังกล่าวถือเป็นสิ้นสุด ไม่สามารถฟ้องเปลี่ยนแปลงเนื้อหาการชี้มูลได้อีก แต่หากเป็นการฟ้องร้องว่ากระบวนการพิจารณาชี้มูลความผิดไม่ถูกต้องก็สามารถทำได้
"มติป.ป.ช.เมื่อชี้มูลไปแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แม้แต่นายกรัฐมนตรีเองก็ไม่มีอำนาจ หากไม่ลงโทษตามที่ป.ป.ช.ชี้มูล ก็อาจจะถูกลงโทษฐานละเว้นได้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มีข้อยกเว้นอยู่ หากจะคุยเรื่องนี้ต้องอีกยาว เพราะยังไม่เคยมีกรณีตัวอย่างเกิดขึ้นมาก่อน" นายวิชัย กล่าว