รัฐบาลทรัมป์ ยังไม่พอใจดีล TikTok หาทางให้นักลงทุนสหรัฐฮุบหุ้นเสียงข้างมาก
แหล่งข่าวหลายรายเปิดเผยกับสำนักข่าว เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นอล จากสหรัฐว่า หลายคนในรัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการให้หุ้นเสียงข้างมากของหน่วยงานในสหรัฐของ ไบต์แดนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการแอปพลิเคชัน TikTok (ติ๊กตอก) ตกเป็นของนักลงทุนสหรัฐ เพื่อให้สหรัฐมีอำนาจควบคุมแอปพลิเคชัน TikTok ได้มากขึ้น
การเคลื่อนไหวนี้อาจทำให้สัญญาที่ไบต์แดนซ์จะให้หน่วยงานในสหรัฐของตนเป็นหุ้นส่วนทางเทคโนโลยีกับออราเคิล คอร์ป เผชิญกับความไม่แน่นอนและเจอแรงเสียดทานได้
ด้าน ไบต์แดนซ์ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน TikTok ระบุไว้ในสัญญาที่ทำกับออราเคิลว่า ยังต้องการถือหุ้นส่วนใหญ่ของหน่วยงานในสหรัฐของตนเอาไว้
แต่การที่ไบต์แดนซ์ยังต้องการถือหุ้นส่วนใหญ่นี่เองที่ทำให้สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพับลิกันบางคนรู้สึกกังวลว่า สุดท้ายแล้วก็จะไม่ใช่การขายกิจการอย่างที่นายทรัมป์ต้องการ และยังคงทำให้รัฐบาลจีนเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐได้เช่นเดิม
นายทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวในการแถลงข่าววันนี้ (17 ก.ย.) ถึงการที่ไบต์แดนซ์จะยังถือหุ้นเสียงข้างมากของหน่วยงานในสหรัฐว่า "ตามดูตามคอนเซปต์แล้ว ผมขอบอกเลยว่า ผมไม่ชอบ"
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐบอกอีกว่า ตนจะไม่เซ็นอนุมัติใดๆ ต่อสัญญาดังกล่าว จนกว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติม
ขณะนี้หุ้น 40% ของไบต์แดนซ์ ถือครองโดยนักลงทุนสหรัฐ อาทิ บริษัทร่วมทุน อย่าง ซีคัวยา แคปิตอล และเจนเนอรัล แอตแลนติก ส่วนผู้ก่อตั้ง ไบต์แดนซ์ คือ นายจาง อี้หมิง ถือหุ้นไม่ถึง 25% และอีก 20% เป็นของพนักงานไบต์แดนซ์ ส่วนอีก 20% เป็นของนักลงทุนนอกสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม สัดส่วนการถือหุ้นที่คนในรัฐบาลสหรัฐต้องการ คือ ให้สินทรัพย์ทั้งหมดในสหรัฐของไบต์แดนซ์ ตกเป็นของบริษัทที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ขณะที่ออราเคิล และวอลมาร์ท อิงค์ จะต้องถือหุ้นมากกว่า 50% แต่แหล่งข่าวเผยว่าคนในรัฐบาลสหรัฐและนักลงทุนสหรัฐ อยากให้สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนสหรัฐสูงกว่านั้นอีก ซึ่งมีวิธีเดียวที่เป็นไปได้ คือ ต้องนำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้น