บุกจับ พตท.สันธนะ อาวุธอื้อ! อ้างหาข่าวส่งนายก
จับคาสามเหลี่ยมทองคำ"พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์" อดีตนายตำรวจ-นักการเมืองชื่อดัง หนึ่งใน 25 แกนนำม็อบเสื้อเหลืองผู้ต้องหาบุกยึดสุวรรณภูมิ ขนอาวุธ 2 คันรถพร้อมลูกน้องข้ามไปพื้นที่บ่อนฝั่งพม่า ขากลับโดนตร.เชียงแสนสกัดจับคาด่าน โวยลั่นมาหาข้อมูลเรื่องบ่อนอิทธิพลของส.ว.คนหนึ่ง และกำลังจะนำข้อมูลไปให้นายกฯแต่ถูกจับเสียก่อน อ้างอาวุธในรถมีไว้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น ฮึ่มฟ้องกลับผกก. ด้านตร.ไม่ให้ประกันตัวแฉได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวและพนักงานโรงแรมท่าขี้เหล็ก ว่ามีคนอ้างเป็นจนท.เข้าไปคุกคาม จึงให้จับผู้ต้องสงสัยกระทั่งเจอกลุ่มพ.ต.ท.สันธนะ
จับอดีตนายตำรวจชื่อดังคาชายแดนสาม เหลี่ยมทองคำ เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 13 ก.ย. พ.ต.อ.สุธรรม ชาติอาษา ผกก.สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้รับแจ้งว่าที่จุดผ่อนปรนบ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน บริเวณสาม เหลี่ยมทองคำชายแดนไทย-สปป.ลาว-พม่า มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งท่าทางส่อพิรุธและได้รับแจ้งว่าออกมาจากโรงแรมโกลเด้น ไทรแองเกิ้ล รีสอร์ท ในฝั่งจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า โดยมีปัญหาบางอย่างกับกลุ่มพนักงานด้วย จึงนำกำลังตำรวจภูธรร่วมกับตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) 327 ซึ่งประจำการอยู่ที่จุดผ่อนปรนดังกล่าวไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบชายฉกรรจ์รวม 8 คน หนึ่งในนั้นคือพ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.ตำรวจสันติบาล 2 นายตำรวจชื่อดัง ทั้งหมดมากับรถยนต์ 2 คัน ประกอบด้วย รถโตโยต้า เอสติม่า สีดำ หมายเลขทะเบียน ศก 4774 กรุงเทพฯ และรถเก๋งมิตซูบิชิ สีดำ หมายเลขทะเบียน ศม 7660 กรุงเทพฯ เบื้องต้นทั้งหมดอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมาตรวจสอบคนข้ามไปเล่นการพนันที่บ่อนกาสิโนในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อตำรวจขอดูเอกสารกลับไม่มีมาแสดง เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นภายในรถ แต่ทั้งหมดอ้างว่าทำกุญแจหาย
ตำรวจแจ้งไปยังช่างกุญแจมาเปิดประตูรถทั้ง 2 คัน และต้องตะลึงเมื่อเจออาวุธหลากหลายชนิดราวกับคลังแสงย่อยๆ โดยในรถโตโยต้า พบอาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อรูเกอร์ ขนาด .357 แม็กนั่ม 1 กระบอก กระสุนบรรจุในรังเพลิง 6 นัด ปืนพกสั้นขนาด .380 ยี่ห้อมานูแรง 1 กระบอก กระสุนบรรจุในรังเพลิง 7 นัด และแม็กกาซีน 2 อัน กระสุน 14 นัด อาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อโคลท์ รีวอลเวอร์ ขนาด .357 แม็กนั่ม กระสุนในรังเพลิง 6 นัด กระสุนปืนขนาด .357 อีก 24 นัด
ส่วนรถยนต์มิตซูบิชิ พบอาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อโคลท์ ขนาด 11 ม.ม. 1 กระบอก กระสุน 7 นัด บรรจุในรังเพลิง 1 นัด ปืนพกสั้นชนิดรี วอลเวอร์ ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก บรรจุกระสุน 6 นัด และเครื่องตรวจโลหะ 1 เครื่อง นอกจากนี้ยังพบวิทยุโทรคมนาคมรับ-ส่ง ยี่ห้อสเปนเดอร์ สีแดง จำนวน 3 เครื่อง บัตรหาเสียงเลือกตั้งส.ส. เขต 5 ดอนเมือง สายไหม บางเขน กรุงเทพฯ สังกัดพรรคประชากรไทย
จึงจับกุมตัวทั้ง 8 คนไว้สอบสวน ทราบประกอบด้วย 1.พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 412/248 ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 2.นายสมควร ดวงดี อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 126 ม.2 ต.เซกา อ.เซกา จ.หนองคาย 3.นายนิรุตติ์ เรืองประทุม อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 43/4 ม.5 ต.บึงกาสาม อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี 4.นายพรชัย แซ่จึง อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 155/166 ซอยสุภาพงษ์ 1 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 5.นายสุขสมบัติ กล่อมกูล อายุ 39 ปี บ้านเลขที่ 66 ซอยลาดพร้าว 41 แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
6.นายคมกริช ทองแก้ว อายุ 24 ปี บ้านเลขที่ 154 ม.3 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง 7.นายนันทพงศ์ แซ่จึง อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 155/166 ซอยสุภาพงษ์ 1 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ 8.นายชุมพล คิดการดี อายุ 59 ปี บ้านเลขที่ 82/1 ม.5 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยกรณีของนายคมกริชยังพบหมายจับในข้อหาพยายามฆ่า ของศาลสมุทรปราการอยู่ในรถอีกด้วย
ต่อมาเจ้าหน้าที่นำเครื่องอัลฟา 6 และเครื่องจีที 200 โกลบอล ซึ่งใช้สำหรับการตรวจหาสารเสพติด มาสำรวจทุกซอกมุมของรถทั้ง 2 คัน ปรากฏว่าเครื่องชี้ว่ามีสารเสพติดปนเปื้อนอยู่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ ตชด.นำโดย พ.ต.ท.อัครภณ วริศเจริญรอง ผกก.ตชด.33 มาตรวจค้นอย่างละเอียดแต่ไม่พบยาเสพติดภายในรถ
จากนั้นนำตัวพร้อมของกลางส่ง พ.ต.ต.วิชัย ไชยอิ่นคำ สารวัตร สภ.เชียงแสน ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ มีวิทยุโทรคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยเฉพาะพ.ต.ท.สันธนะ ปฏิเสธจะรับฟังข้อกล่าวหาด้วย และขู่ฟ้องพ.ต.อ.สุธรรม โดยอ้าง ว่าข่มขู่และผลักอก และระหว่างอยู่โรงพัก พ.ต.ท.สันธนะทำทีเป็นโทรศัพท์กับบุคคลต่างๆ เป็นระยะๆ และพูดในทำนองว่าถูกตำรวจจำกัดสิทธิ์
ต่อมาทนายความของพ.ต.ท.สันธนะ เดินทางมาที่ สภ.เชียงแสน ขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด และนำหลักฐานเป็นใบครอบครองและพกพาอาวุธปืนทั้งหมดไปให้ตำรวจด้วย แต่ทางตำรวจยืนยันจะดำเนินคดีตามเดิมเนื่องจากช่วงพบอาวุธไม่ได้มีการนำหลักฐานดังกล่าวไปแสดง รวมทั้งไม่อนุญาตให้ประกันตัว
พ.ต.ท.สันธนะกล่าวว่า สิ่งที่กระทำลงไปเป็นการทำงานภาคประชาชน โดยหลังจากรับราชการมายาวนานกว่า 20 ปี ก็หันมาทำงานการเมืองจนเป็นรองหัวหน้าพรรคประชากรไทย แม้ปัจจุบันจะไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใดแล้ว แต่ก็ทำงานการเมืองภาคประชาชน ต่อมาได้รับแจ้งจากประชาชนว่า ที่สามเหลี่ยมทองคำมีบ่อนกาสิโนในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน 2 จุดเป็นของสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่งและของที่ปรึกษารัฐมนตรี จนมีคนไทยข้ามไปเล่นการพนัน รวมทั้งมีการเข้าออกหลังเวลาปิดด่านพรมแดนคือ 18.00 น.และมีการใช้อำนาจอิทธิพล ตนและทีมงานไปตรวจสอบโดยบันทึกภาพ เก็บข้อมูล ก็พบตามนั้นจริงๆ รวมทั้งพบเจ้าหน้าที่รัฐอยู่บริเวณนั้นด้วย จากนั้นมีแผนจะนำไปแจ้งต่อ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ผู้บังคับบัญชาที่อยู่สูงขึ้นกว่า สภ.เชียงแสน รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้ได้รับทราบ เพื่อจะได้ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ต่อไป
พ.ต.ท.สันธนะกล่าวอีกว่า หลังจากเสร็จภารกิจส่วนหนึ่งก็ไปแจ้งต่อ สภ.เชียงแสน ปรากฏว่าถูกดำเนินคดีดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่าอาวุธปืนทั้งหมดเป็นของตน สาเหตุที่เก็บเอาไว้เพราะเคยถูกปองร้ายมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะปลายปี 2549 เคยถูกยิงถล่มกลางเมืองจนลูกน้องคนหนึ่งเสียชีวิต
ด้านพ.ต.อ.สุธรรมกล่าวว่า พฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้งหมดไม่น่าไว้วางใจ เข้าข่ายไปข่มขู่คนที่อยู่ตามชายแดน หรือคนที่ข้ามไปเล่นกาสิโนในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ และอ้างว่าทำงานตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาระดับจังหวัดและภาค 5 ถือว่าอุกอาจมาก เนื่องจากตรวจสอบแล้วไม่พบข้อมูลดังกล่าว ดังนั้น ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัวทั้งในชั้นตำรวจและชั้นฝากขังที่ศาลเมื่อครบกำหนด 48 ชั่วโมงด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพ.ต.ท.สันธนะเป็นอดีตนายตำรวจชื่อดัง มีประวัติโลดโผนอย่างมาก หลังออกจากราชการเข้ามาทำงานการเมือง และเคยร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชา ธิปไตย ในการก่อม็อบครั้งใหญ่ และเป็นหนึ่งใน 25 ผู้ต้องหาตามหมายเรียกคดีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิด้วย