จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เริ่มการทดลองวัคซีนโควิด-19 ขั้นสุดท้าย
บริษัทยา จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยืนยันว่าการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ของตนได้เข้าสู่ขั้นสุดท้าย ซึ่งจะช่วยชี้ทางความสำเร็จของโครงการนี้ว่าจะสามารถพัฒนายาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพื่อใช้งานได้ในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดเผยในวันพุธว่า ในเวลานี้ มีอาสาสมัครเข้าร่วมการทดลองขั้นสุดท้ายแล้ว 60,000 คน โดยมาจากในสหรัฐฯ อาร์เจนตินา บราซิล ชิลี โคลอมเบีย เม็กซิโก เปรู และแอฟริกาใต้
นอกจากโครงการนี้แล้ว บริษัทยาหลายแห่งทั้งในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ เช่น โครงการของ โมเดร์นา (Moderna Inc) และ ไฟเซอร์ (Pfizer Inc) ได้เริ่มเข้าสู่ขั้นสุดท้ายของการทดลองเช่นกัน
สำหรับยาของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน รายงานข่าวระบุว่า อาสาสมัครจะได้รับการฉีดเพียงครั้งเดียวในการทดลองขั้นสุดท้าย ซึ่งต่างจากของที่อื่นซึ่งจะต้องมีการฉีด 2 ครั้ง และจุดนี้ทำให้มีความหวังว่า หากโครงการประสบความสำเร็จขึ้นมา การผลิตและนำส่งนั้นจะง่ายกว่าของคู่แข่งรายอื่นๆ อย่างมาก
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนหลายรายเริ่มไม่แน่ใจว่า สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA อาจตัดสินใจเร่งกระบวนการอนุมัติวัคซีนตัวนี้ให้เร็วขึ้น โดยใช้อำนาจจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้พยายามเสนอข้อมูลที่ทำให้เชื่อว่า การพัฒนาวัคซีนจะสิ้นสุดเร็วกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญประเมินไว้เสมอมา
ทั้งนี้ ในวันพุธตามเวลาในสหรัฐฯ ประธนานาธิบดีทรัมป์ เพิ่งทวีตข้อความที่ระบุว่า FDA “ต้องทำงานให้เร็วขึ้น” ซึ่งหมายถึงการเร่งกระบวนการอนุมัติรับรองวัคซีนต้านโควิด-19 หลังจากก่อนหน้านี้ที่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่า วัคซีนดังกล่าวจะมีออกมาพร้อมใช้งานก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้
แต่ นพ. ฟรานซิส คอลลินส์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ยาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพก่อนการใช้งานจริง
นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์ เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงานในวันพุธด้วยว่า FDA ตั้งใจที่จะแสดงความโปร่งใสในทุกขั้นตอน จึงตัดสินใจที่จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรฐานที่มีความเข้มงวดมากเกี่ยวกับการอนุมัติการใช้วัคซีนหลังจากนี้ ซึ่งหมายความว่า โอกาสที่วัคซีนใดๆ จะได้รับการอนุมัติก่อนวันเลือกตั้งนั้นน่าจะลดลงไปโดยปริยาย