กรรมการสิทธิฯ ห่วงนักเรียนถูกละเมิด-ทำร้ายร่างกาย จี้ ศธ.อบรมครูปฐมวัย
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ห่วงเด็กนักเรียนถูกครูละเมิดสิทธิ-ทำร้ายร่างกาย แนะกระทรวงศึกษาเร่งอบรมครูปฐมวัย-เข้าใจสิทธิ-มีจิตวิญญาณครูและทักษะดูแลเด็ก
วันที่ 27ก.ย.63 นางประกายรัตน์ ต้นธีรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทำหน้าที่แทนประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาปรากฏข่าวการใช้ความรุนแรงต่อเด็กนักเรียนหลายรูปแบบ ล่าสุดเกิดกรณีครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งทำร้ายเด็กอนุบาล
ซึ่งการทำร้ายหรือใช้ความรุนแรงต่อเด็กเป็นการละเมิดต่อสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของเด็กอย่างชัดแจ้ง ขัดกับหลักการคุ้มครองเด็กและเยาวชนมิให้ถูกใช้ความรุนแรงหรือการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 71 วรรคสาม และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child) ข้อ 37 (ก) ที่ระบุว่า “รัฐภาคีประกันว่าจะไม่มีเด็กคนใดได้รับการทรมาน หรือถูกปฏิบัติ หรือลงโทษที่โหดร้าย...”
ทั้งยังขัดต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 26 (1) ที่ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำหรือละเว้นการกระทำอันเป็นการทารุณกรรมต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก ซึ่งเป็นความผิดทางอาญา และพระราชบัญญัติการพัฒนาเด็กปฐมวัย พ.ศ. 2562 มาตรา 5 (2) ให้เด็กปฐมวัยอยู่รอดปลอดภัยและได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากการล่วงละเมิดไม่ว่าทางใด
นางประกายรัตน์ กล่าวว่า การที่ครูหรือบุคลากรทางการศึกษามีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงต่อเด็กนักเรียน สะท้อนว่าครูดังกล่าวขาดทักษะวิชาชีพครู ขาดทักษะการจัดการปัญหาและขาดวุฒิภาวะ ดังนั้นกระทรวงศึกษาธิการจำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีการที่เหมาะสมด้วยการจัดให้มีการฝึกอบรมทักษะครูในโรงเรียนปฐมวัยในวิชาจิตวิทยาการศึกษาและจิตวิทยาพัฒนาการอย่างเข้มข้นและมีการประเมินเป็นระยะ เพื่อให้มีเจตคติที่ดีในการพัฒนาเด็กปฐมวัย
ขณะเดียวกันในการผลิตครูหรือพัฒนาครูด้านการพัฒนาเด็กปฐมวัย สถาบันการศึกษาต้องจัดให้มีการเรียนการสอนเพื่อเสริมสร้างจิตวิญญาณของความเป็นครู มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ ทักษะ และความสามารถในการจัดการเรียนการสอนเพื่อดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัยตามหลักการและปรัชญาของการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อป้องกันปัญหาในลักษณะเดียวกันอันอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต
“การเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กมีวิธีการที่สร้างสรรค์และช่วยพัฒนาเด็กได้หลายหลากวิธี อาทิ การใช้วินัยเชิงบวก การให้คำแนะนำปรึกษา (Counseling) การทำกิจกรรมพฤติกรรมบำบัด หรือความคิดพฤติกรรมบำบัด (Cognitive Behavioral Therapy) โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงใด ๆ ต่อเด็ก ครูทุกคนต้องเรียนรู้ว่าตนไม่มีสิทธิใด ๆ ไปกระทำต่อเนื้อตัวร่างกายของเด็กนักเรียนหรือแตะต้องตัวเด็กโดยไม่มีเหตุจำเป็น
เว้นแต่เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนเท่านั้น ทั้งนี้ หากมีการทำร้ายเด็กนักเรียนในสถานศึกษา ขอให้บุคลากรทางการศึกษาที่พบเห็น ต้องห้ามปรามการกระทำนั้นเพื่อปกป้องเด็กจากการถูกกระทำความรุนแรงในทุกกรณี และแจ้งผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการต่อไป” นางประกายรัตน์ กล่าว