ลุงตู่ ห่วงม็อบพูดจาไม่เพราะจนร่วมมือกันได้น้อย วอนเคารพกฎหมาย หวั่นปะทะจากสองฝั่ง
"บิ๊กตู่" ขอให้การชุมนุมเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ติงการพูดจาไม่เพราะอาจส่งผลให้เกิดความร่วมมือกันได้น้อย ยอมรับต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้เกิดการปะทะกันระหว่างม็อบทั้งสองฝั่ง
วันนี้ (28 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ถึงประเด็นการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาและประชาชนที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ว่า จะมีการดูแลเหมือนทุกครั้ง และไม่สามารถบอกได้ว่ายอมให้เกิดการชุมนุมหรือไม่ เพราะทุกอย่างเดินหน้าไปตามกฎหมาย ถึงแม้เราจะไม่ยอมเขาก็จะทำ และเราห้ามเขาก็จะฝืน เมื่อบังคับใช้กฎหมายก็ถูกกล่าวหาว่า ไปกดดันอีก
จึงขอให้คนทั้งประเทศพิจารณาดูว่า วัตถุประสงค์ของผู้ชุมนุมคืออะไร พร้อมตั้งคำถามว่า หากโยนภาระทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่และตนสั่งการให้ดำเนินการเต็มที่ จะเกิดอะไรขึ้น และเมื่อคนกลุ่มนี้ดำเนินการไปจนบรรลุเป้าหมาย และมาบริหารประเทศจะเกิดอะไรขึ้น ความขัดแย้งก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ และท้ายที่สุดประเทศชาติก็จะอยู่ไม่ได้
เมื่อถามว่าหากกลุ่มรักสถาบันฯ ออกมาชุมนุมและเกิดการปะทะจะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดการปะทะกันเกิดขึ้น สื่อต้องช่วยในเรื่องนี้ ให้มีการปะทะกันไม่ได้ วันนี้รัฐบาลทำอย่างเต็มที่ในการเปิดพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็น ขออย่างเดียวให้เคารพกฎหมาย
"วันนี้อาจมองรัฐบาลใช้ไม้อ่อนกับผู้ชุมนุมมากเกินไป แต่อยากให้ดูเป้าประสงค์ของผู้ชุมนุมว่าต้องการอะไร เราจะไปดำเนินการให้เข้าทางเขาทำไม วันนี้มีคนที่รักประเทศชาติและสถาบันอีกหลายสิบล้านคน ดังนั้น จึงขอให้ลดกระแสและแรงกดดันเหล่านี้ไป อยากเอามาพัวพันกันทั้งหมด จนกลายเป็นว่ารัฐบาลอ่อนแอไม่เข้มแข็ง เจ้าหน้าที่ไม่ทำงาน ยืนยันทุกคนทำหน้าที่ของตนเอง ทุกอย่างมีกรอบเวลาของมัน" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ทุกคนช่วยกัน อะไรที่เป็นปัญหาร้อนๆ ก็แก้ไขกันไป หันมาพูดคุยภาษาดอกไม้ การพูดจาไม่เพราะก็ทำให้ความร่วมมือเกิดขึ้นน้อย พอเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อย่าไปขยายความในคำพูดที่ไม่ถูกต้องหยาบคาย เนื่องจากไม่มีใครรับได้