แม่ครูจุ๋ม เครียดหนัก หันพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยลูกสาว หลานดรอปเรียนเพราะไม่อยากเป็นภาระ
กรณีโลกโซเชียล มีการแชร์เรื่องราวของ "ครูจุ๋ม" ครูพี่เลี้ยงเด็กอนุบาล โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ทำร้ายลูกศิษย์ และเป็นกระแสข่าวโด่งดัง จนกระทั่งผู้ปกครองเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับครูจุ๋มและทางโรงเรียนได้ไล่ครูจุ๋มออกจากการทำงาน โดยหลังเป็นข่าวพบว่าครูจุ๋มได้เดินทางกลับบ้านใน ต.หลักแก้ว อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง
ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านของ นางทวี อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นมารดาของครูจุ๋มอีกครั้ง พบนางทวีกำลังเตรียมตัวเดินทางออกจากบ้านโดยมีญาติๆ มานั่งให้กำลังใจและเตรียมพาไปไหว้พระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยนางทวีอยู่ในอาการเครียดหนักและร้องไห้อยู่ตลอดเวลา และเปิดเผยกับทีมข่าวว่าตอนนี้รู้สึกเครียดหนักและโรคเบาหวานกำเริบไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะกราบไหว้ขออภัยกับทางผู้ปกครองและสังคมแล้ว ก็อยู่ที่ครูจุ๋มว่าจะทำอย่างไรต่อและสังคมจะให้อภัยหรือไม่ ตอนนี้ตนไม่อยากพูดอะไรแล้วเพราะพูดไปก็เป็นการแก้ตัว ส่วนครูจุ๋มตอนนี้อยู่กับเพื่อนที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ มีโทรคุยแต่จะเป็นฝ่ายโทรมาเอง ซึ่งตนเองในฐานะที่เป็นแม่ก็เป็นห่วง แต่เมื่อทราบว่ายังสบายดีก็เบาใจมานิดหนึ่ง
โดยขณะที่นางทวีพูดคุยอยู่กับผู้สื่อข่าวมีโทรศัพท์ซึ่งคาดว่าเป็นครูจุ๋มโทรเข้ามา ทำให้นางทวีต้องเดินหลบออกไปพูดคุยโทรศัพท์อยู่ห่างๆ และรีบเดินทางออกไปโดยบอกว่าจะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และไปหาพระที่นับถือโดยไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวติดตามไปด้วย
ขณะที่นางวรรณี อายุ 51 ปี เพื่อนบ้านซึ่งเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงใกล้บ้านและเดินทางมาให้กำลังใจมารดาของครูจุ๋มเปิดเผยว่า เท่าที่รู้จักครูจุ๋มมา ครูจุ๋มเป็นคนดีแต่เราก็ไม่รู้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากความเครียดของครูจุ๋มที่ต้องแบกรับภาระของครอบครัวไว้หรือไม่ ตอนนี้ก็ต้องมาช่วยดูแลเนื่องจากแม่ครูจุ๋มก็โรคกำเริบ เบาหวานขึ้นไปกว่า 400 กว่า ส่วนหลานคนรองก็ไปดรอปไม่ยอมเรียนแล้ว เนื่องจากว่าสงสารครอบครัวที่ไม่มีเงินส่งเสีย ตอนนี้เพื่อนๆบ้านก็ช่วยกันดูแลสภาพจิตใจของคนเป็นแม่เพราะเกรงว่าจะทรุดหนักลงไปอีก
ขณะที่ นายอาร์ต อายุ 36 ปี เพื่อนบ้านบอกว่า เท่าที่เห็นจะว่ารุนแรงก็แล้วแต่คนมอง แต่อยากให้ครูจุ๋มออกมาขอโทษสังคมเพื่อให้สังคมรับรู้ว่าที่ทำไปเป็นสิ่งผิด และครูจุ๋มก็สำนึกผิด ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดๆก็ตาม