ศาลยกฟ้อง "หญิงไก่" ลวงสาวลาวเป็นคนใช้-เบี้ยวจ่ายค่าแรง
ศาลยกฟ้อง "หญิงไก่" คดี ลวงสาวลาวเป็นคนใช้ เบี้ยวจ่ายค่าแรง ชี้ หลักฐานยังฟังไม่ได้ว่าทำผิด
ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์ หมายเลขดำ คม.23/62 ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 2 เป็นโจทก์ฟ้อง นางมณตา หรือ หญิงไก่ อายุ 63ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ
จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 13 ก.ย.53 -1 ก.พ.55 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้ฉ้อฉล หลอกลวงใช้อำนาจครอบงำหญิง สัญชาติลาว อายุ 18 ปีเศษ โดยชักชวนให้มาทำงานเป็นแม่บ้านหรือคนรับใช้โดยสัญญาจะให้ค่าจ้างเดือนละ 6 พันบาท แต่กลับบังคับข่มขืนใจทำงานตั้งแต่เวลา 05.00 น. จนถึงเวลา 02.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ทุกวันไม่มีวันหยุด โดยจำเลยไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้ตามที่ตกลงกัน หากผู้เสียหายทำงานไม่ทันใจ หรือไม่ถูกใจ จำเลยจะดุด่าว่ากล่าว
นอกจากนี้ จำเลยยังได้ยึดหนังสือเดินทางของผู้เสียหายไว้ หากผู้เสียหายจะลาออกจะต้องนำเงินจำนวน 1 แสนบาท มาชดใช้แก่จำเลย ซึ่งเป็นค่าจ่ายเกินจริง อีกทั้งจำเลยยังกลั่นแกล้งผู้เสียหายว่า ลักเอาทรัพย์สินของจำเลยและข่มขู่จะดำเนินคดีอีกด้วย เหตุเกิดที่คอนโดย่านประชานิเวศน์ ถ.เทศบาลนิมิตรเหนือ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โดยจำเลยให้การปฏิเสธ
วันนี้เป็นการอ่านคำพิพากษาผ่านระบบ Video Conference จากศาลอาญา ไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง ให้จำเลยฟัง
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลย กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยบังคับใช้แรงงาน ซึ่งตามข้อกล่าวหานี้ ต้องเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ แต่ข้อเท็จจริงจากบันทึกคำให้การของผู้เสียหาย ประกอบคำเบิกความของผู้ที่ทำงานอยู่กับจำเลยรวม 5 คน ระบุตรงกันว่า ขณะที่พักอยู่กับจำเลยที่คอนโด ได้ช่วยกันทำงานบ้านและสามารถออกไป นอกบ้านได้
พร้อมกันนี้จำเลยยังเคยมอบเงินบางส่วนให้กับผู้เสียหายไว้ใช้จ่ายส่วนตัว และพยานซึ่งเป็นสาวใช้ในบ้านจำเลยยังให้การยืนยันว่า แม้บางครั้งหากทำงานไม่ถูกใจ ก็จะถูกจำเลยดุด่า แต่ไม่เคยทำร้ายร่างกาย
ประกอบกับคดีนี้ไม่มีพยานหลักฐานใดแสดงให้เห็นชัดว่า นับตั้งแต่ผู้เสียหายชาวลาวมาทำงานกับจำเลยนั้น ถูกข่มขืนใจทำให้ผู้เสียหายทำงาน โดยจะทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกายเสรีภาพ ข้อเท็จจริงจึงยังรับฟังไม่ได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ พิพากษายกฟ้อง