"ริท เรืองฤทธิ์" ภูมิใจหนักมาก คว้ารางวัลนักเรียนดีเด่น ทุ่มงบเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง
ต้องขอปรบมือให้กับนักร้องหนุ่มดีกรีคุณหมอสุดฮอต ริท-เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช เพราะหลังจากที่ซุ่มเรียนสายการแพทย์จนจบปริญญาโทด้านผิวหนัง จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวยังได้คว้ารางวัลนักเรียนดีเด่น ซึ่งวัดจากผลการเรียนได้อันดับ 1 มาครอบครองอีกด้วย
งานนี้ ริท เรืองฤทธิ์ ได้ออกมาเปิดใจให้ฟังว่า สุดภูมิใจกับรางวัลที่ได้รับ เพราะที่ผ่านมาทั้งทุ่มเทและตั้งใจกับการเรียนมากจริงๆ โดยจากนี้คงต้องพักเรื่องเรียนไว้ก่อน พร้อมทั้งทุ่มงบที่มีเปิดคลินิกเป็นของตัวเองอย่างจริงจังแล้ว
ล่าสุดเหมือนเพิ่งได้รับรางวัลนักเรียนดีเด่นมา?
"ตัวริทเพิ่งเรียนจบปริญญาโทด้านผิวหนัง จากวิทยาลัยนานาชาติจุฬาภรณ์ ของธรรมศาสตร์ แล้วพอจบปุ๊บตามธรรมเนียมเขาก็จะมีการให้รางวัลกับนักเรียนดีเด่น ซึ่งริทก็ได้รับเลือกเป็นนักเรียนดีเด่น คุณครูเขาบอกว่าก็แค่เรียนได้อันดับหนึ่งอะไรอย่างนี้"
แสดงว่าขยันมาก ?
"เรียนไปด้วยทำงานในวงการบันเทิงไปด้วย แล้วก็ได้อันดับหนึ่งก็แค่นั้น รุ่นเรามีประมาณ 10 กว่าคน เราก็ได้อันดับหนึ่ง (หัวเราะ) ภูมิใจๆ ครับ ตั้งแต่เรียนก็คือตั้งใจมากจริงๆ มันไม่เหมือนตอนที่เราเรียนหมอแล้ว เรียนหมอมันเหมือนเรียนทุกอย่างเพื่อให้รู้แบบครอบคลุม แต่อันนี้เรียนเพื่อใช้ในวิชาชีพ เพื่อที่จะมารักษาจริงๆ แล้ว เลยตั้งใจค่อนข้างมาก"
เอาไปติดที่ร้านเลยไหมว่าได้อันดับหนึ่ง ?
"เอามาแล้วครับ แต่ในใบมันไม่ได้บอกว่าได้อันดับหนึ่ง ฝากพี่ๆ บอกไว้ตรงนี้เลยแล้วกันว่าได้อันดับหนึ่งนะครับ"
หลังจากนี้จะมีเรียนอะไรเพิ่มเติมอีกไหม ?
"จริงๆ อาจารย์ก็ชวนเรียนเพิ่มอยู่นะครับ เรียนด็อกเตอร์หรืออะไรอย่างนี้ แต่ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้น่าจะไม่ไหวแล้ว น่าจะพอแล้ว มันเรียนมาทั้งชีวิตแล้วอ่ะพี่ พอวันหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเราเรียนจบมาปุ๊บและได้ประกอบอาชีพจริงๆ ก็รู้สึกว่าจริงๆ มันก็ถึงฝั่งฝันแล้ว ความรู้ที่เราเรียนมามันก็ค่อนข้างเพียงพอแล้ว ที่เรียนเพิ่มเติมไปน่าจะเป็นเรื่องของตำแหน่ง เหมือนศึกษาที่มันลึกลงไปเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งมากกว่า ริทก็เลยคิดว่าอาจจะยังไม่จำเป็นในตอนนี้ แต่ถ้าเกิดแก่ตัวไปกว่านี้ก็อาจจะคิดก็ค่อยว่ากัน"
แต่ถ้าได้นักเรียนดีเด่นอันดับหนึ่งของด็อกเตอร์อีกก็จะยิ่งใหญ่เลยนะ ?
"ถ้าเราเป็นที่หนึ่งของด็อกเตอร์ แล้วเราก็จะได้รับไปอีกรอบหนึ่ง โอ้! ลองดู (หัวเราะ) พอแล้วมั้ง"
หลังจากนี้ก็จะเป็นชีวิตที่ได้ทำงานได้เข้าคลินิกเต็มที่ใช่ไหม ?
"ตอนนี้เหมือนเป็นหมอประจำแล้วครับ เข้าคลินิกแทบจะทุกวัน บางวันที่คลินิกปิดก็จะเอาเวลามาทำงานในวงการบันเทิง ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานวงการบันเทิงอาทิตย์หนึ่งก็แค่ 1-2 วัน ซึ่งตอนนี้บอกเลยว่าไม่ต้องซื้อบัตรมีตแอนด์กรี๊ดริท ซื้อคอร์สเลเซอร์ดีกว่า ใกล้กว่าอีก (หัวเราะ)"
ตอนนี้กลายเป็นคุณหมอของวงการไปแล้วเหมือนกัน มีเพื่อนนักแสดงแวะเวียนมาขอคำปรึกษาบ้างไหม ?
"ใช่ครับ มาเยอะเลย ส่วนใหญ่เขารู้แหละว่าเขาจะทำอะไรก็มาขอฟรีมากกว่า (หัวเราะ) ระบุมาเลยว่าขอตัวนั้นตัวนี้ อันไหนยิ่งแพงยิ่งขอเยอะ"
ระบุชื่อคนที่มาขอเราฟรีไหม ?
"โอ้! อย่าให้ไล่เลยมีหลายคน แต่เราก็ยินดีทำให้ก็อยากดูแลเหมือนกัน"
แล้วแฟนคลับไปใช้บริการไหม ?
"ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาวันแรกๆ ก็คือแฟนคลับแทบจะทั้งหมด จากนั้นก็เริ่มบอกต่อกระจายไปสู่วงนอก ตอนนี้ก็เริ่มเป็นลูกค้าทั่วไป 50 เปอร์เซ็นต์ แฟนคลับ 50 เปอร์เซ็นต์"
แสดงว่าแฟนคลับเราต้องหน้าใสมาก ?
"ตอนนี้ก็คือทาครีมกันแดดทุกคน ดื่มน้ำเยอะๆ บำรุง ห้ามมีกระมีฝ้าห้ามมีรอยดำ"
ปฏิกิริยาแฟนๆ เป็นอย่างไร พอเจอหมอริทสัมผัสหน้า กรี๊ดกร๊าดไหม ?
"พออยู่ในบทบาทที่เป็นแพทย์ ริทก็จะไม่เป็นอย่างนี้ ไม่ดุครับ แต่ก็ไม่ได้เล่น ส่วนใหญ่จะพูดเรื่องวิชาการ ถ้าอยู่ในหน้าที่ผ่านแล้วริทพูดแบบนี้ ไม่มีใครเชื่อ แฟนๆ ก็มีเขิน แบบ...อย่าเพิ่งนะคะ คือพอเราเข้าโหมดทำงานจิตวิญญาณนักศึกษาแพทย์ก็จะถูกปลูกฝังมาแบบนี้ เพื่อนริทก็เป็นแบบนี้หมด ออกมาก็จะมีตัวตน"
ช่วงโควิดรายได้หดหายไปเยอะไหม ?
"ริทเปิดตอนโควิด-19 ตอนแรกริทเตรียมแถลงข่าวเชิญพี่ๆ สื่อมวลชนมา แต่บางท่านก็ให้หยุดกิจการไปก่อน เราก็ชะลอการเปิด พอท่านให้เปิด บอกว่าพี่ทำแค่ตัวเราก็เริ่มทำตัว หัวเข่า ข้อศอกใสกันทุกคน พอเริ่มทำหน้าได้ก็มาทำ มาตามลำดับ แต่ว่าพอมันเป็นช่วงหลังโควิดแล้วริทเพิ่งเปิดใหม่ด้วยมันก็ค่อนข้างลำบาก ถึงแม้ริทจะมีต้นทุนสูงกว่าหมอคนอื่น เป็นดาราไปด้วย มันก็ยังเหนื่อยอยู่ไม่ได้มาเปรี้ยงปร้างทีเดียว"
ตอนนี้คุ้มทุนหรือยัง ?
"โอ้ ยังครบ ไม่ใกล้ครึ่งเลยครับ ตอนแรกวางไว้ว่าภายใน 3 ปีจะคืนทุน แต่ว่าตอนนี้คนใช้เงินระมัดระวังมากขึ้น ก็ค่อยๆ ทำไปแล้วกัน ไม่รีบอะไร แต่เรื่องนั้นไม่ได้ซีเรียส เรามองว่าเป็นอาชีพเป็นความสุขของเราที่ได้ทำให้คนสวย คนแฮปปี้มีความสุขหน้าตาดี"
อยากเปิดในต่างจังหวัดไหมเพราะแฟนๆ เรียกร้อง ?
"จริงๆ อยากขยายสาขา แต่เราอาจจะต้องวางระบบให้นิ่งก่อน ก็ฝาก THE RITZ คลินิก ไว้ด้วย ถามว่าอยากขยายสาขาช่วงไหนอยากทำอันนี้ให้นิ่งก่อนสักหนึ่งปีแล้วค่อยเริ่มขยายปีต่อไป ได้เร็วหรือช้ากว่านั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์เพราะตอนนี้อะไรก็ไม่แน่นอน บ้านเมืองยังไม่นิ่ง โรคภัยยังไม่นิ่ง"
ท้อไหม ?
"ตอนนี้ยังไม่ท้อ เพราะเหมือนเปิดปุ๊บก็เจอปัญหาตั้งแต่แรกเลย กฎระเบียบเยอะ ทำอะไรก็ลำบาก พอเปิดมาบวกกับเศรษฐกิจที่ซบเซาก็ทำให้ค่อนข้างเหนื่อยแต่เลือกไม่ได้เราเกิดประเทศนี้แล้ว ก็ต้องต่อสู้ในประเทศนี้ต่อไป"
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ