เตือนเกษตรกรอย่าเสียสิทธิ์ รีบขึ้นทะเบียนก่อน 30 กันยายนนี้
ครม. มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีดำเนินการโครงการประกันราคาแล้วย้ำ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลังและข้าว เร่งขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้แล้วเสร็จภายในกันยายนนี้ สามารถทำสัญญาประกันราคากับ ธ.ก.ส. และใช้สิทธิขอรับเงินชดเชย โดยไม่ต้องส่งมอบสินค้า
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในฐานะโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงโครงการประกันราคา ที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือการประกันรายได้ขั้นต่ำให้แก่เกษตรกร ในปี 2553 ซึ่งเริ่มดำเนินการกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง และข้าวแล้ว โดยขณะนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีดำเนินการโครงการประกันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ปี 2552/53 เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 ให้เกษตรกรมาขึ้นทะเบียน โดยกำหนดระยะเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2552 มีกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ทั้ง 2 รูปแบบ คือ 1. ทะเบียนเกษตรกร หรือ ทบก. และ 2. ทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจหลัก หรือ ทพศ. จากนั้นจะมีการตรวจสอบข้อมูลและการประชาคมในแต่ละพื้นที่ก่อนที่จะออกใบรับรองให้แก่เกษตรกร เพื่อใช้ประกอบการทำสัญญาประกันราคากับ ธ.ก.ส. โดยได้กำหนดราคาประกันข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่กิโลกรัมละ 7.10 บาท และราคาประกันมันสำปะหลังที่กิโลกรัมละ 1.70 บาท ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถทำสัญญากับ ธ.กส. ได้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึง พฤศจิกายน 2552 โดยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ใช้สิทธิประกันราคาได้หลังวันทำสัญญา 15 วัน แต่ไม่เกิน 3 เดือน นับแต่วันทำสัญญา และใช้สิทธิได้ไม่เกิน 28 กุมภาพันธ์ 2553 สำหรับมันสำปะหลังใช้สิทธิประกันราคาได้หลังวันทำสัญญา 45 วัน แต่ไม่เกิน 6 เดือน นับแต่วันทำสัญญา และใช้สิทธิได้ไม่เกิน 31 พฤษภาคม 2553
ด้านนางนารีณัฐ รุณภัย รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กล่าวถึงราคาตลาดอ้างอิงว่า จะมีการประกาศทุก 15 วัน ในวันที่ 1 และ 16 ของเดือน หากราคาตลาดอ้างอิงต่ำกว่าราคาประกัน เกษตรกรจะขอรับการชดเชยส่วนต่างของราคาประกันและราคาตลาดอ้างอิงจาก ธ.กส. ในช่วงใดก็ได้ภายในเวลาประกัน ตามปริมาณที่ขึ้นทะเบียนและที่ทำสัญญาประกัน แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ตัน สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่วนมันสำปะหลังไม่เกิน 100 ตัน โดยไม่ต้องส่งมอบสินค้า และเมื่อราคาผลผลิตสูงขึ้นค่อยเอาข้าวโพดหรือขุดมันออกขาย และรับค่าข้าวโพดหรือหัวมันจากโรงงานอีกครั้ง
ดังนั้น เกษตรกรจะต้องรักษาผลประโยชน์ของตนเองที่พึงได้รับจากมาตรการความช่วยเหลือของรัฐ โดยการเร่งขึ้นทะเบียนเกษตรกร นำหลักฐานประกอบการขึ้นทะเบียนมาอย่างครบถ้วนและแจ้งข้อมูลที่เป็นจริง รวมถึงร่วมกันตรวจสอบข้อมูลของเพื่อนบ้านใกล้เคียง จากนั้นไปทำสัญญาประกันราคากับ ธ.ก.ส. แล้วติดตามการประกาศราคาตลาดอ้างอิงทุก 15 วัน เพื่อประกอบการตัดสินใจนำสัญญาประกันราคาไปใช้สิทธิประกัน โดยเกษตรกรสามารถรับเงินค่าชดเชยส่วนต่างมาใช้จ่ายได้ก่อนที่จะตัดสินใจขายผลผลิต และรอดูจังหวะราคาตลาดที่เหมาะสมในการขายผลผลิตให้กับโรงงาน ก่อนรับเงินค่าข้าวโพดหรือหัวมันอีกครั้ง