วิจารณ์หนัก! ทรัมป์นั่งรถเล่นทั้งที่ติดโควิด-19 หมอชี้ทีมงานต้องถูกกักตัวทันที

วิจารณ์หนัก! ทรัมป์นั่งรถเล่นทั้งที่ติดโควิด-19 หมอชี้ทีมงานต้องถูกกักตัวทันที

วิจารณ์หนัก! ทรัมป์นั่งรถเล่นทั้งที่ติดโควิด-19 หมอชี้ทีมงานต้องถูกกักตัวทันที
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประชาชนวิจารณ์หนักถึงความจริงจังต่อการระบาดโควิด-19 ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังทรัมป์ออกมานั่งรถเล่น พร้อมโบกมือทักทายผู้สนับสนุน ระหว่างที่เขาต้องกักตัวเพราะติดโควิด-19 ทำให้ผู้ติดตามต้องถูกกักตัวทันที 14 วัน

สำนักข่าว CNN รายงานว่า ท่ามกลางกระแสข่าวการติดโควิด-19 ของโดนัลด์ ทรัมป์ และเมลาเนีย ทรัมป์ ประธานาธิบดีและสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นเพียง 1 เดือนก่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ไปจนถึงความกังวลว่าการป่วยของทั้งคู่อาจจะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งครั้งสำคัญนี้นั้น

ผู้นำสหรัฐฯ เพิ่มดีกรีความน่ากังวลให้กับสถานการณ์ด้วยการตัดสินใจออกมานั่งรถยนต์ส่วนตัวเพื่อออกมาทักทายผู้สนับสนุนประธานาธิบดีที่ออกมายืนคอยให้กำลังใจ โดยมีผู้ติดตามร่วมนั่งรถมาด้วย

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับหลายฝ่าย เพราะนี่คือช่วงเวลาของการกักตัวดูอาการหลังตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของทรัมป์ในศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์รีด แต่ตัวผู้นำกลับตัดสินใจออกมาแสดงพฤติกรรมดังกล่าวแทน

นี่คือภาพที่ทำให้ประชาชนตั้งคำถามว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใส่ใจกับการปฏิบัติตัวตามมาตรการสาธารณสุขมากแค่ไหนเพื่อรักษาตัวให้หายและไม่แพร่เชื้อต่อ รวมถึงเป็นภาพที่สะท้อนว่าผู้นำสหรัฐฯ ไม่สนใจว่าเขาจะทำให้หน่วยสืบราชการลับ ผู้ติดตาม และทีมงานนั้นเสี่ยงที่จะติดเชื้อไปด้วยหรือไม่ เพราะแม้ว่าทรัมป์จะสวมหน้ากากอนามัย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการนั่งโดยสารในรถร่วมกัน

ดร.เจมส์ ฟิลลิปส์ หนึ่งในแพทย์ของศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์รีด ทวีตว่า "ทุกคนที่ร่วมเดินทางไปในรถคันนั้นกับประธานาธิบดี ซึ่งเป็นทริปที่ไม่มีความจำเป็นโดยสิ้นเชิง ต้องถูกกักตัวนานถึง 14 วันเพราะพวกเขาอาจจะป่วยหรืออาจจะเสียชีวิตได้ ทั้งหมดนี้เพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง ถูกสั่งโดยทรัมป์ให้พวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อการแสดงเท่านั้น นี่คือความวิกลจริต"

ดร.ฟิลลิปส์ย้ำต่อว่า "รถ SUV ของประธานาธิบดีไม่ได้แค่กันกระสุนเท่านั้น แต่ยังปิดอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการโจมตีด้วยสารเคมีได้ด้วย ทำให้ความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสภายในรถนั้นสูงมากพอๆกับสถานที่ที่ไม่มีการควบคุมทางการแพทย์ การไร้ซึ่งความรับผิดชอบนี้ช่างน่าเหลือเชื่อมาก ขอเอาใจช่วยทีมงานที่ถูกบังคับให้ต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook