TDRIแนะรัฐปรับนโยบายสมดุลป้องกันปัญหาระยะยาว
ทีดีอาร์ไอหวั่นรัฐบาลก่อหนี้อัดฉีดเงินเข้าระบบหนักเสี่ยงเงิน เฟ้อพุ่ง กระทบฐานะการคลัง แนะปรับนโยบายสมดุลโดยเร็วป้องกันปัญหาระยะยาว
นายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ กล่าวในงานสัมมนาประจำปีธนาคารแห่งประเทศไทย ปี 2552 หัวข้อเรื่อง "รับมือวิกฤติเศรษฐกิจโลก มองอนาคตเศรษฐกิจไทย" ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน แต่จะฟื้นตัวนานแค่ไหนต้องติดตาม
ทั้งนี้เศรษฐกิจที่ดีขึ้นเป็นผลมาจากการอัดฉีดเม็ดเงินของรัฐบาลทั่วโลก ซึ่งหากหยุดการอัดฉีดเม็ดเงินเศรษฐกิจอาจฟุบลงอีกและจะทำให้เป็นรูป W ได้
อย่างไรก็ตาม การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบจำนวนมากก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เงินเฟ้อพุ่ง ขึ้น หนี้ภาครัฐต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศสูงขึ้น จนกระทบต่อฐานะการคลัง จึงต้องเพิ่มความระวัง โดยภาครัฐต้องมีการปรับการดำเนินนโยบายงบประมาณให้กลับมาสมดุลเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาว
นอกจากนี้ปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐขณะนี้เองก็มีความเสี่ยงที่จะกระทบ ต่อเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ขึ้นกับว่าธนาคารโลกมีนโยบายอย่างไรในการช่วยเหลือสถาบันการเงิน เหล่านี้ให้สามารถปรับตัวได้เร็วเพียงใด
สำหรับประเทศไทยนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจให้ได้ยั่งยืนจะต้องมีการพัฒนาคน โดยเฉพาะคนระดับล่างซึ่งปัจจุบัน่ไม่มีส่วนร่วมต่อระบบเศรษฐกิจ ซึ่งหาไม่มีการดูแลจะกลายเป็นปัญหา
"รัฐบาลต้องให้การศึกษา ทักษะความรู้ และดูแลด้านสุขภาพ ต้องสร้างความเท่าเทียมกันในการกระจายรายได้ ลดการเหลื่อมล้ำด้านรายได้ สร้างหลักประกันสังคม และประกันรายได้ให้กับลูกหลานของคนรากหญ้า ซึ่งมีอยู่ถึง 60-70% ของประชากรที่กำลังจะเติบโตขึ้นมา เพื่อสร้างกำลังซื้อภายในประเทศให้เข้มแข็ง"
นายสมชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินของคนรวยมีสูงถึง 69% แต่คนจนที่สุดมีทรัพย์สินเพียง 1% เท่านั้น
นอกจากนี้ปัญหาความขัดแย้งทางด้านการเมืองยังมีผลต่อระบบเศรษฐกิจ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นต้องคำนึงถึง 2 ประเด็น คือ ต้องให้ทุกคนต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน และเมื่อมีการเลือกตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ต้องให้โอกาสรัฐบาลบริหารประเทศ และบุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่ก็ต้องยอมรับการตรวจสอบ ซึ่งขณะนี้การเมืองไทยยังไม่ได้ตอบโจทย์ทั้ง 2 ประเด็น
ด้าน นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง กล่าวว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 12-15 เดือน ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งอัดฉีดเงินผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง หากทำได้เศรษฐกิจไทยก็จะหลุดพ้นจากการติดลบ
อย่างไรก็ตามการขยายตัวที่มาจากแรงกระตุ้นของภาครัฐ อาจจไม่เพียงพอ เพราะรัฐบาลมีหนี้ที่สูงไม่พอกับรายได้ที่เข้ามา ซึ่งต้องได้รับการกระตุ้นจากภาคเอกชนเข้ามาช่วยด้วย