ราชทัณฑ์เผย นักโทษแหกเรือนจำกระบี่ เข้าออกคุกเป็นว่าเล่น เคยวางแผนหนีด้วยการกินสบู่
วันที่ 10 ตุลาคม 2563 เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และพล.ต.ต.สันทัด วินสน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ร่วมกันแถลงข่าว ผลการจับกุมนักโทษหลบหนีจากเรือนจำจังหวัดกระบี่ 1.นายอานนท์ เด็นหมาด อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ ที่ 467/2563 ลงวันที่ 1 ต.ค. 2563 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานหลบหนีระหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ได้กระทำโดยแหกที่คุมขัง พร้อมพวกอีก 2 คน คือ นายนฤเบศ พินประพันธ์ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดกระบี่ ในความผิดฐานสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ นายทรรปณะ รัญวาสี อายุ 19 ปี พร้อมด้วยของกลาง ดังนี้
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) จำนวน 2,067 เม็ด
2. อาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อ กล็อก ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนอยู่ในแม็กกะซีน จำนวน 19 นัด
3. อาวุธปืนลูกโม่ .38 นิ้ว จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนบรรจุอยู่ในลูกโม่ง จำนวน 6 นัด
4. อาวุธปืนชนิด เดี่ยวลูกซองยาว จำนวน 1กระบอก พร้อมกระสุนปืนเบอร์ 12 จำนวน 9 นัด
5. เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 31 นัด .เครื่องกระสุนปืน ขนาด .38 นิ้ว จำนวน 55 นัด
6. รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ สีขาว จำนวน 1 คัน ที่ผู้ต้องหาที่ 1 ใช้ขับหลบหนี
โดยแจ้งข้อกล่าวหา ให้ผู้ต้องหาทั้ง 3 ทราบว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ รองผบ.ตร.กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่จับกุมได้พร้อมนักโทษชายอานนท์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแหกคุกของนายอานนท์ และนายมลฑล ขันสมาน อายุ 47 ปี หลังออกจากเรือนจำได้ก็มีรถมารับ ทั้งนี้ ทางตำรวจทราบเบาะแสคนช่วยเหลือแล้ว รวมทั้งจะเอาผิดทั้งคนพาหลบหนี และให้ที่พักพิง โดยตำรวจภูธรทั้งภาค 8 และภาค 9 ทำงานติดตามร่วมกันมาตลอด จนกระทั่งสืบทราบว่ามาหลบหนีอยูบ้านเครือญาติในพื้นที่ ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา จึงวางแผนเข้าจับกุมได้ดังกล่าว และทั้ง 3 คนจะต้องถูกดำเนินคดีที่ตรังทั้งหมด เพราะมีการกระทำความผิดซึ่งหน้าระหว่างการจับกุมคือ ยาเสพติดและอาวุธปืน ในขณะหลบหนีมีรถไปรับ ส่วนนักโทษชายอีกคนที่ยังหลบหนีขอไม่เปิดเผยในรายละเอียด ส่วนเหตุผลของการก่อเหตุแหกคุกในครั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัด เพราะผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การกลับไปกลับมา พยายามปกปิดหลายอย่าง เพื่อช่วยเหลือนักโทษอีกคนที่ยังหลบหนี ซึ่งหลังจากนี้ทางตำรวจจะเร่งสอบปากคำต่อไป และมั่นใจว่าจะสามารถติดตามอีกคนที่เหลือได้ ทั้งนี้ ทราบว่านักโทษที่เหลือขณะนี้มีพยายามหาอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มปฏิบัติการเข้มยิ่งขึ้น
ทางด้าน พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบไม่พบเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแหกคุกของนักโทษ แต่คงเป็นเพราะนักโทษพยายามหลบหนีตลอดเวลา โดยเฉพาะ 1 ใน 2 คน เข้าออกเรือนจำแล้วเป็นครั้งที่ 5 พยายามจะแหกคุกแล้วหลายครั้ง เช่น การออกอุบายกินสบู่กับน้ำส้ม เพื่อให้ถูกส่งไปรักษาตัวด้านนอก แต่เมื่อพากลับมาทางเรือนจำก็ต้องพาเข้าห้องกักกันโรค ในช่วงสถานการณ์โควิด และคงพบเห็นโครงสร้างเรือนจำกระบี่ไม่แข็งแรง แม้จะมีลูกกรงเหล็ก แต่มีไม้เป็นส่วนประกอบ อายุเก่าแก่กว่า 70 ปี จึงทำให้นักโทษซึ่งพยายามคิดหลบหนีมาตลอด หาช่องทาง เพราะไม้สามารถดัดได้ จึงเป็นข้อบกพร่อง หละหลวมของเรือนจำในส่วนนี้ ที่ดูแลได้ไม่ดีพอ หลังจากนี้คงต้องดำเนินการปรับปรุงใหม่ให้มั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ที่จับกุมได้ในครั้งนี้ รวมทั้งนักโทษชายอานน์ จะต้องถูกดำเนินคดีที่จังหวัดตรัง โดยนายอานนท์ มีทั้งคดีเก่า คือ ยาเสพติดเรือนจำกระบี่ หมายจับคดีฆาตกรรม ศาล จ.พัทลุง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะคุมตัวทั้ง 3 คน ไว้สอบสวนเข้มต่อไป ตามอำนาจหน้าที่ โดยแยกขังตาม สภ.ต่างๆ