จบดราม่า "แม่น้องแมนยู" ร่ำไห้ยันไม่มีญาติมายืมเงินบริจาค แค่จะเก็บไว้เป็นค่าเดินทาง

จบดราม่า "แม่น้องแมนยู" ร่ำไห้ยันไม่มีญาติมายืมเงินบริจาค แค่จะเก็บไว้เป็นค่าเดินทาง

จบดราม่า "แม่น้องแมนยู" ร่ำไห้ยันไม่มีญาติมายืมเงินบริจาค แค่จะเก็บไว้เป็นค่าเดินทาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่น้องแมนยู ขอโทษญาติที่ทำให้เดือดร้อน ยันไม่มีใครขอยืมเงิน 3 แสน ขอเบิกเพราะจะเก็บไว้เดินทางไปหาลูก

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ รพ.สต.แห่งหนึ่งใน จ.เลย โพสต์เรื่องราวอันสะเทือนใจของ "น้องแมนยู" เด็กชายอายุ 9 ขวบ ดวงตาข้างซ้ายบอด เคราะห์ซ้ำเกิดอุบัติเหตุจนแขนซ้ายขาด อีกทั้งยังมีแม่ตาบอด พ่อหูไม่ดีต้องพูดดังๆ จึงจะได้ยิน เรื่องราวอันน่าสงสารนี้ทำให้มีผู้ใจบุญโอนเงินช่วยเหลือ "น้องแมนยู" ที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู รพ.ศูนย์อุดรธานี เป็นเงินหลายล้านบาท ต่อมามีกระแสข่าวว่าญาติมาขอยืมเงิน แม่น้องแมนยูจึงได้มาขอเบิกเงิน 300,000 บาท จาก ผอ.โรงเรียนบ้านหนองผำ จนกลายเป็นเรื่องดราม่า

ล่าสุด (11 ต.ค.63) เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านแม่น้องแมนยู ที่บ้านหนองผำ ต.นาดินดำ อ.เมืองเลย พบบรรยากาศเงียบเหงามีเพียง นางคำหล้า วรรณไชย อายุ 43 ปี แม่ของน้องแมนยู ซึ่งเป็นผู้พิการทางสายตา นั่งอยู่ที่หน้าบ้าน เปิดใจต่อผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีข่าวออกไปว่า มีญาติมาขอยืมเงิน 300,000 บาท ให้ไปเบิกเงินในบัญชีกองทุนน้องแมนยูของโรงเรียนบ้านหนองผำ ว่า ไม่เป็นความจริง และไม่มีญาติคนไหนมาให้ไปเบิกเงิน สาเหตุมาจากที่ตนเองต้องเดินทางไปเกือบทุกวันไปเยี่ยมน้องแมนยูที่ รพ.ศูนย์อุดร ขอเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายเท่านั้นและไม่ได้ให้ใคร ไม่มีเจตนาอย่างอื่น เพราะเงินกองทุนที่ให้นั้นให้ค่าใช่จ่ายเดือนละ 10,000 บาท ตนเองกลัวไม่พอใช้จึงขอเอ่ยปากเบิกเงิน 300,000 บาท จาก ผอ.โรงเรียน แต่ได้รับการปฎิเสธ ก็ไม่ได้ว่าอะไร

จนมีการนำเสนอข่าวออกไปว่าญาติให้มายืมเงินนั้น ทำให้ญาติได้รับความเดือนร้อนไปด้วยทั้งที่ไม่รู้เรื่อง ตนเองขอยืนยันว่าญาติไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และกราบขออภัยญาติทุกคนด้วย ที่ไม่ปรึกษาก่อนจนทำให้เดือดร้อน และญาติก็ได้เข้าใจแล้ว ส่วนเงินที่ได้รับบริจาคจะเก็บไว้เป็นอย่างดี และจะไม่นำไปใช้จ่ายอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวและทุนการศึกษา     

นางสาวกิริตากร มะระครอง อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่ รพ.สต. ผู้ที่ช่วยเหลือน้องแมนยูนำส่งโรงพยาบาล เปิดเผยว่า  มีบัญชีที่เปิดรับบริจาคทั้งสิ้น 3 บัญชี ไม่รวมบัญชีของโรงเรียน มีบัญชีนางสาวกิริตากร มะระครอง ธนาคารกรุงไทย สาขาเลย ยอดบริจาค 29,028.88 บาท นำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางและอื่นๆ ที่จำเป็นจนหมดแล้ว กับบัญชีชื่อ นางสาวอนัญญา สิมมะลี ธนาคารกรุงไทย สาขาเลย มียอดบริจาค 41,133.01 บาท  และได้มีการส่งเงินมอบให้ญาติไปหมดแล้วตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.63 

ส่วนบัญชีนางขวัญใจ กงภูธร ธนาคารกสิกรไทย สาขาเลย มียอดบริจาคทั้งสิ้น 1,195,710.45 บาท หักค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปเยี่ยมน้องและบริจาคให้โรงพยาบาล  2 แห่ง รวม 352,710 บาท คงเหลือเงินในบัญชี 843,000 บาท  ส่งมอบให้นายสมนึก วรรณไชย พ่อของน้องแมนยู และพ่อได้ไปเปิดบัญชีเป็นกองทุนให้น้องแมนยู ชื่อธนาคาร ธกส.สาขาเลย โดยไม่ขอรับบริจาคเพิ่ม บัญชีทั้ง 3 บัญชีหลังส่งมอบเงินให้ครอบครัวและหักค่าใช้จ่าย ได้ปิดบัญชีอย่างถาวร

จากนั้นเวลา 13.00 น. นายทองอยู่ เวชบรรพต ผญบ.หมู่ 6 บ้านหนองทุ่ม พร้อมด้วยแม่น้องแมนยู และญาติ เข้าพบ นายธงชัย เหง้าวิชัย ผอ.โรงเรียนบ้านหนองผำ เพื่อปรึกษาหารือเรื่องบัญชีบริจาคของโรงเรียน โดยการพูดคุยนานร่วม 1 ช.ม. ได้ข้อยุติว่า บัญชีธนาคารที่มีอยู่ตอนนี้ 2 บัญชี ของนายสมนึก วรรณไชย พ่อของน้องแมนยู และบัญชีของโรงเรียน จะนำมารวมกันเป็นบัญชีของพ่อน้องแมนยู จะได้ไม่สับสน ซึ่ง 2 บัญชีจะมีเงินประมาณ 4,200,000 บาท  และปิดรับบริจาคทันที โดยมีพ่อของน้องแมนยู ญาติ 2 คน ผู้ใหญ่บ้าน และ ผอ.โรงเรียน ร่วมกันลงชื่อ 5 ชื่อ ในการดูแลจัดการ โดยการเบิกจ่ายต้องมีครบทั้ง 5 ชื่อ ไม่อย่างงั้นจะไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ทำให้ญาติพอใจ โดยจะมีการดำเนินการที่ธนาคารทันที

นายทองอยู่ เวชบรรพต ผญบ.หมู่ 6 บ้านหนองทุ่ม เปิดเผยว่า จากการเจรจากัน เป็นที่พอใจทั้งสองฝ่าย และญาติก็เห็นดีด้วย  ก็รู้สึกดีใจที่เข้าใจและเห็นดีด้วย  ส่วนแม่น้องแมนยู ขอขอบคุณผู้สื่อข่าวที่นำเสนอข่าวและให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย จนมีการเจรจารวมบัญชีก็ดีใจมาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook