ครอบครัวช็อกหนัก รับศพสาวเหยื่อรถไฟชนรถบัส ปีใหม่นี้บอกจะกลับบ้าน
รับศพสาวโรงงาน 1 ในผู้เสียชีวิตจากเหตุรถไฟชนรถบัสคณะกฐิน ญาติเผยเป็นเสาหลักของครอบครัว เป็นคนกตัญญูต่อบุพการี ชอบทำบุญ ตั้งใจจะกลับมาเยี่ยมบ้านปีใหม่แต่เสียชีวิตก่อน
จากกรณีรถไฟขบวนบรรทุกสินค้า พุ่งชนขณะรถบัสกำลังข้ามรางรถไฟบริเวณสถานีแขวงกลั่น อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18 ศพ บาดเจ็บกว่า 30 ราย โดย 1 ในผู้เสียชีวิตคือนางสาวนิดาวรรณ อายุ 26 ปี ชาวบ้านนาจารย์ ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์
ซึ่งญาติได้เดินทางไปรับศพมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด หมู่ 2 บ้านนาจารย์ ต.นาจารย์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยเดินทางมาถึงเมื่อเวลา 02.00 น.ของวันที่ 12 ต.ค. กำหนดฌาปนกิจศพวันพรุ่งนี้ (13 ต.ค.)
ทั้งนี้ บรรยากาศงานศพที่บ้านนางสาวนิดาวรรณ สาวโรงงานสายบุญผู้เสียชีวิต เต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติและเพื่อนร่วมรุ่นที่ทราบข่าว ต่างเดินทางมาคารวะศพและแสดงความเสียใจกับการจากไปก่อนวัยอันควรตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะบิดา มารดาและน้องสาว ที่ยังอยู่ในอาการช็อค ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากยังทำใจไม่ได้กับความสูญเสียที่ได้รับในครั้งนี้
นางสาวภาวินี อายุ 19 ปี น้องสาวนางสาวนิดาวรรณ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนรวมทั้งพ่อแม่และญาติทุกคน ยังอยู่ในอาการเหมือนฝันร้าย กับเหตุการณ์สูญเสียนางสาวนิดาวรรณในครั้งนี้ เพราะก่อนเกิดเหตุดังกล่าว ไม่มีลางสังหรณ์หรือเค้าลางใดๆเลย ว่าพี่สาวจะมาประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายถึงกับเสียชีวิต ในขณะกำลังจะเดินทางไปทำบุญกับเพื่อนที่ทำงานในโรงงานผลิตขวดน้ำหอม ที่ จ.สมุทรปราการด้วยกัน
นางสาวภาวินี กล่าวอีกว่า พี่สาวไปทำงานขายแรงงานที่ต่างจังหวัด ตั้งแต่จบ ม.3 โดยไปกับญาติและเพื่อนบ้าน เพื่อหารายได้ส่งมาให้พ่อแม่สร้างบ้าน เป็นค่าปุ๋ยใส่นาข้าว และส่งเสียตนซึ่งเป็นน้องสาวได้เรียนหนังสือ ในช่วงปีใหม่หรือสงกรานต์ของทุกปี จะกลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้งหนึ่ง แต่สงกรานต์ปีนี้ไม่ได้มา เพราะสถานการณ์โควิด-19 แต่บอกว่าจะมาเยี่ยมบ้านช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ พี่สาวจึงเป็นคนกตัญญูต่อบุพการีมาก และเท่าที่ทราบพี่สาวเป็นคนชอบทำบุญ ถึงแม้จะแต่งงาน มีสามีและลูก ก็ยังส่งเงินมาให้ทางบ้านอย่างสม่ำเสมอ การเสียชีวิตของพี่สาวจึงเหมือนเสียเสาหลักของครอบครัวไป ซึ่งกว่าอีกนานที่ทุกคนจะทำใจได้ คงเหลือแต่ความดีที่พี่สาวทำและฝากไว้ให้พวกเราจดจำ
ด้าน นายเดชอนันต์ อายุ 47 ปี บิดานางสาวนิดาวรรณ กล่าวว่า ถึงตอนนี้ตนยังรู้สึกช็อกกับเหตุการณ์สูญเสียชีวิตของลูกสาวคนโตไปอย่างไม่มีวันกลับ ตอนที่ทราบข่าวญาติโทรมาบอกตนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาวตนเองจะต้องมาประสบเหตุเสียชีวิต ทั้งๆที่จะไปทำบุญทอดกฐิน เพราะเป็นคนชอบทำบุญมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และไม่น่าจะมาเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจอย่างนี้
นายเดชอนันต์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ไปครอบครัวก็คงจะลำบากมากขึ้น เพราะไม่มีคนส่งเสีย นอกจากนี้ ยังจะต้องรับภาระเลี้ยงหลานสาวอายุ 3 ขวบ ซึ่งเป็นลูกของนางสาวนิดาวรรณ ซึ่งต้องกำพร้าแม่
อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องฝากความหวังไว้กับบริษัทรถบัสคันที่ประสบเหตุ หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เพื่อที่ลูกสาวจะได้ไม่เสียชีวิตฟรี และเพื่อเป็นค่าเลี้ยงดูและทุนการศึกษาให้กับหลานสาวที่เป็นเด็กกำพร้าแม่ ทั้งนี้ มีกำหนดฌาปนกิจศพวันพรุ่งนี้ 13 ต.ค. ที่เมรุสถานประจำหมู่บ้าน