ผู้ปกครองถีบ "ครูจุ๋ม" โดนปรับคนละร้อย ยันผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังไม่ยอม เอาเรื่องถึงที่สุด
จากกรณีที่วานนี้(12 ต.ค.) ครูจุ๋ม ครูพี่เลี้ยงที่ตกเป็นผู้ต้องหาทำร้ายเด็กนักเรียนอนุบาล โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความประสงค์ขอถอนแจ้งความ ที่ตนเองถูก นายชาญวิทย์ อายุ 37 ปี และภรรยา พ่อและแม่ของนักเรียน ที่ทำร้ายร่างกายตนด้วยการกระโดดถีบและตบ หลังเห็นคลิปลูกชายถูกทำร้ายจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ โดยมีการถ่ายภาพร่วมกับกลุ่มผู้ปกครองด้วย ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดวันนี้ (13 ต.ค.) ทางกลุ่มผู้ปกครองประมาณ 12 คน ได้เดินทางมายังสำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี เพื่อมอบหลักฐานเพิ่มเติมที่จะใช้ดำเนินคดีกับครูพี่เลี้ยงและทางโรงเรียน
ทางด้าน น.ส.กัญชวินรัศตร์ แม่ของน้องเสือ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวานนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชัยพฤกษ์ ได้นัดหมายให้ตนกับพ่อน้องเสือเดินทางไปพบที่โรงพัก ซึ่งตนกับพ่อน้องเสือก็เดินทางไปตามนัด เพราะคิดว่าตำรวจจะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายครูพี่เลี้ยงจุ๋ม แต่ปรากฏว่าระหว่างที่นั่งรอพนักงานสอบสวนนั้น น.ส.อรอุมา หรือ ครูจุ๋ม ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหน ตอนไหน เดินตรงเข้ามาหากลุ่มผู้ปกครองพร้อมกับขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางความมึนงงของกลุ่มผู้ปกครองที่อยู่ในโรงพัก ซึ่งไม่มีใครรู้มาก่อน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนัดหมายให้ครูจุ๋มเดินทางมาพบกับกลุ่มผู้ปกครองในวันนี้เพื่อให้ยอมความในคดีทำร้ายร่างกายกัน ซึ่งต่อมาทางครูจุ๋มยินยอมที่จะถอดแจ้งความในคดีที่ตนกับพ่อน้องเสือ บันดาลโทสะทำร้ายร่างกายครูจุ๋มไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการปรับเงินคนละ 100 บาท ในคดีดังกล่าว
น.ส.กัญชวินรัศตร์ น้อยสุขยิ่ง แม่น้องเสือ กล่าวอีกว่า ทางตนและพ่อเสือ กลุ่มผู้ปกครองคนอื่นๆ ไม่รู้มาก่อนว่า ตำรวจจะนัดหมายให้ครูจุ๋มมาไกล่เกลี่ยในคดีนี้ ซึ่งถึงแม้ครูจุ๋มจะยินยอมถอนคดีทำร้ายร่างกายให้ แต่ในส่วนของคดีที่ครูจุ๋มไปทำร้ายเด็กๆ ทางกลุ่มผู้ปกครองส่วนใหญ่ยังไม่ได้ยินยอมหรือถอนแจ้งความ ตนและผู้ปกครองคนอื่นๆ ยังยืนยันที่จะดำเนินคดีกับครูจุ๋มต่อไปทั้งทางคดีอาญาและคดีฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย ส่วนภาพข่าวที่ออกไปว่ายืนถ่ายภาพหมู่กันอย่างขื่นมื่นนั้นก็ไม่เป็นความจริง เป็นภาพที่พนักงานสอบสวนถ่ายบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า ในคดีทำร้ายร่างกายได้มีการนัดหมายไกล่เกลี่ยยอมความกันไปแล้วเท่านั้น จากนั้นก็มีผู้ปกครองรายหนึ่งนำภาพดังกล่าวไปโพสต์ในเฟซบุ๊กและกลายเป็นประเด็นข่าวที่ผิดเพี้ยนไป ตนและกลุ่มผู้ปกครองส่วนใหญ่ขอยืนยันว่า ยังคงมีการดำเนินคดีกับพี่เลี้ยงและโรงเรียนต่อไปทั้งทางแพ่งและอาญา