''โทนี่ รากแก่น'' แฮร์ สไตลิสต์ สุดฮอต
กำลังฮอตจริง ๆ กับหนุ่มคนนี้ งานไหนที่เขาได้รับเชิญไป เป็นต้องได้รับความสนใจทั้งจากสาวเล็ก สาวใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่พวกเก้งกวาง นอกจากจะได้ตำแหน่งขวัญใจสาวแท้สาวเทียมแล้ว ตอนนี้หนุ่มโทนี่ยังถูกยกให้เป็น ฮอตเทส แฮร์ สไตลิสต์ อีกด้วย
ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ โทนี่บอกมาอย่างนั้น ถึงจะถ่อมตัวยังไงแต่ก็วัดได้จากงาน ใช่ว่าเดินเข้าไปที่ร้านอยากให้โทนี่ทำผมให้แล้วจะได้ทำสมใจ แต่ต้องจองคิวล่วงหน้าหลายวัน เพราะมีคนเข้าคิวรอให้หนุ่มคนนี้ทำผมให้เพียบ
เส้นทางกว่าจะมาเป็นช่างทำผมของหนุ่มคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่ได้ร่ำเรียนมาทางด้านนี้โดยตรง ทุกอย่างเกิดจากความมุ่งมั่น ตั้งใจ และประสบการณ์ลองผิดลองถูก โทนี่จบด้านกราฟิกดีไซน์จากออสเตรเลีย ระหว่างที่เรียนที่นั่น โทนี่และเพื่อน ๆ นักเรียนเอเชียก๊วนเดียวกันชอบเข้าร้านทำผม ตัดบ้าง เปลี่ยนสีผมบ้างตามสไตล์วัยรุ่น และนี่เองที่ทำให้เขาเริ่มสนใจ จดจำ และเรียนรู้วิธีการทำผม จนวันหนึ่งเริ่ม ร้อนวิชา โทนี่จึงรับอาสาตัดผมให้เพื่อน โดยหยิบเอากรรไกรที่มีข้าง ๆ ตัวมาเป็นอาวุธคู่กาย
อย่างที่บอก ผมกับเพื่อนเข้าร้านทำผมบ่อยตั้งแต่อยู่ไฮสคูล ผมก็เริ่มจำว่าช่างเค้าตัดผมยังไง จับยังไง ตัดยังไง ก็คิดว่า เอ๊ะ ไม่น่ายาก และมั่นใจว่าทำได้ วันหนึ่งผมก็เลยบอกเพื่อนว่าจะตัดผมให้ เพื่อนคนนี้เห็นผมชอบมานาน เขาก็มั่นใจว่าผมต้องทำได็เลยยอมให้ตัด วันรุ่งขึ้นเขาต้องโกนหัวเลย คงรับไม่ได้
ถึงแม้การทำผมหัวแรกจะไม่ประสบความสำเร็จนัก แต่ก็ไม่ละความพยายาม เขาเริ่มหาประสบการณ์โดยตัดผมตัวเอง โดยเก็บเงินซื้อกรรไกร สำหรับตัดผมโดยตรงมาเป็นสมบัติชิ้นแรก พร้อม ๆ กับการเข้าไปเป็นลูกมือในร้านตัดผมของคนญี่ปุ่น โทนี่เป็นลูกมือสระผม ไดร์ผมอยู่ 2 ปี คนเกาหลีเจ้าของร้านตัดผมอีกแห่งซึ่งเขาเคยไปเป็นนายแบบผมให้ก็มาชักชวนให้ไปเป็นช่าง โดยยื่นข้อเสนอว่าจะช่วยสอนการทำผมด้วย จึงตอบตกลงทันที โทนี่กอบโกยประสบการณ์อีก 3 ปี จนกระทั่งเรียนจบและกลับมาฝึกงานในเมืองไทย
โทนี่เข้าฝึกงานที่บริษัทออกแบบโฆษณาแห่งหนึ่งตามสาขาวิชาที่เรียนมา แต่ก็ยังไม่ละทิ้งความฝันการเป็นช่างทำผม เขาได้รับโอกาสจากรุ่นพี่เจ้าของร้านทำผมให้เข้ามาเป็นช่างประจำ และโทนี่ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นหนุ่มคลีโอปีที่แล้ว
หน้าตาที่ดูดีเพราะมีเลือดผสมระหว่างเวียดนามฝรั่งเศสจากคุณพ่อ และไทยจากคุณแม่ บวกกับการได้ชื่อว่าเป็นช่างทำผมรุ่นใหม่ที่เน้นการทำผมให้เข้ากับบุคลิกและแฟชั่นโดยรวมของลูกค้า รวมไปถึงการเป็นลูกชายของราชินีหมอลำของเมืองไทย ทำให้ชื่อของโทนี่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก
นอกจากจะเป็นช่างทำผมสุดฮอตแล้ว ตอนนี้โทนี่ยังมีงานภาพยนตร์กับค่ายน้องใหม่ เอ็ม 39 ซึ่งกำลังจะเปิดกล้องในเดือน ต.ค. นี้ชื่อ บิ๊กบอย เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับกลุ่มบีบอย โดยคาดว่าจะเข้าฉายในเดือน มิ.ย. ปีหน้า แต่ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ เราจะได้เห็นอีกลุคหนึ่งของหนุ่มคนนี้ในฐานะนักร้อง
งานเพลงของผมจะเป็นแนว โซล ฟังก์ ผดิสโก้ จะได้ฟัง เร็ว ๆ นี้ครับ และผมก็จะร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องบิ๊กบอยด้วย เวลาตอนนี้นอกจากเข้าร้านทำผม 3 วันแล้ว เวลาที่เหลือก็จะเกี่ยวกับการฝึกร้องเพลง เต้นบีบอย เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด ส่วนงานละครก็มีติดต่อเข้ามาเหมือนกัน แต่ค่ายละครอยากให้ผมเซ็นสัญญาอยู่ในสังกัด ซึ่งผมอยากทำงานเป็นจ๊อบ ๆ มากกว่า เพราะผมยังอยากทุ่มเวลาให้กับการเป็นช่างทำผม ผมอยากให้คนเห็นผมในฐานะเป็นช่างทำผมอาชีพมากกว่า
คำโบราณที่ว่า น้ำขึ้นให้รีบตัก โทนี่บอกว่ากี่ปีก็ยังใช้ได้อยู่ แต่สำหรับเขามีเป้าหมายและความฝันที่ชัดเจน เขาอาจเข้าสู่วงการบันเทิงและมีชื่อเสียงมากมาย แต่เขาก็ยังยกให้การเป็นช่างทำผมมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งที่เขารักแล้วและสามารถทำอย่างมีความสุขแล้ว อาชีพช่างทำผมยังมีสายป่านให้เขายึดเป็นอาชีพไปจนแก่ ขณะที่งานในวงการบันเทิงอาจทำได้เพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
ถึงแม้ตอนนี้จะได้ชื่อว่าเป็นช่างทำผมที่ฮอตที่สุด แต่โทนี่บอกว่าเขายังต้องพัฒนามาตรฐานของตัวเองขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยยึดคำสอนของแม่ที่ว่า หากคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น ไม่มีทางที่จะพัฒนาตัวเอง.
นภาพร พานิชชาติ
napapornp@dailynews.co.th
ภาพ - ภมร มานะพรชัย
