กอร.ฉ.ยืนยันยังไม่สั่งปิด 4 สื่อ 1 เพจม็อบ-จับผู้ชุมนุมแล้ว 74 คน
ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ยังไม่มีการสั่งปิด หรือ จำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย กรณีที่มีการออกคำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 4 เรื่องให้ตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการที่มีลักษณะทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือ เจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือ ความสงบเรียบร้อย หรือ ศีลธรรมอันดีของประชาชนทั่วราชอาณาจักร และมีคำสั่งให้ตรวจสอบเนื้อหารายการของสื่อมวลชนรวม 5 สำนัก ว่า ไม่มีการจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน หรือ สั่งปิดสื่อแต่อย่างใด เพียงเป็นการแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อมูลที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เท่านั้น
พร้อมกันนี้ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการสื่อ เพื่อตรวจสอบการนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อต่างๆ ถ้าผู้กระทำเป็นบุคคลก็จะเรียกมาตักเตือนก่อน แต่หากผิดกฎหมาย จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่หากตรวจสอบพบเป็นข่าวปลอมจะให้หน่วยงานที่มีอำนาจ ดำเนินการไปตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการชุมนุม 3 พื้นที่หลักในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, แยกอโศก และถนนสุขุมวิท แยกอุดมสุข ถึงแยกบางนา รวมจำนวนผู้ชุมนุม 20,000 คน โดยตำรวจจัดกำลัง 12 กองร้อย ดูแลความปลอดภัย
นอกจากนี้ ในช่วงการชุมนุมได้มีการดำเนินคดีผู้กระทำผิดรวมแล้ว 74 คน ซึ่งจะนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย ส่วนผู้ที่ก่อความวุ่นวายบริเวณสุขุมวิท 103 ถึงแยกบางนา หลังมีเลิกการชุมนุมเมื่อวานนี้ จะมีการออกหมายจับ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนการดูแลความปลอดภัยการชุมนุมในวันนี้ เตรียมกำลังเบื้องต้นไว้ 12 กองร้อยเช่นเดิม โดยจะเน้นดูแลความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุม ป้องกันมือที่สามสร้างความวุ่นวาย ส่วนการสลายการชุมนุม พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จะเป็นผู้พิจารณาสั่งการ
ด้าน พ.ต.อ.กศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พบเพจข่าวออนไลน์ มีการนำคลิปเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม มาถ่ายทอดซ้ำ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ว่ามีเหตุปะทะกันอีกครั้ง ถือเป็นการนำเข้าข้อมูลที่บิดเบือน ก็จะมีการความแจ้งความดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ