ตำรวจบุกรวบ "หมอลำแบงค์ ขอนแก่นพอกันที" ฐานปราศรัยที่ มธ. เมื่อ 19 ก.ย.

ตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น เข้าจับกุม หมอลำแบงค์แกนนำกลุ่ม ขอนแก่นพอกันที ที่ขึ้นเวทีปราศรัย เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตามหมายจับ สน.ชนะสงคราม

วันที่ 19 ตุลาคม 2563 นายปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงค์ ถูกตำรวจ สภ.เมืองขอนแก่น จับที่บ้านพักใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อเวลา 11.30 น. ก่อนถูกควบคุมตัวไปสำนักงานตำรวจภูธรภาค 4  โดยรถกระบะของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และนำตัวมาที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยไม่ได้ให้หมอลำแบงค์ลงจากรถ แต่นำเอกสารการพิมพ์ลายนิ้วมือ และให้เซ็นต์เอกสารลงบันทึกจับกุมบนรถแทน  โดยอนุญาตให้เพียงผู้ติดตามผู้ต้องหาเพียง 1 คนอยู่ในจุดที่ควบคุมตัวเท่านั้น ทั้งนี้ตำรวจแจ้งว่า การจับกุมเป็นไปตามหมายจับ สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ขณะปราศรัยเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ที่เรียกร้องให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมผู้ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 

นายวชิรวิทย์ เทศศรีเมือง แกนนำขอนแก่นพอกันที ได้เดินทางไป สภ.เมือง ขอนแก่น เพื่อติดตามการจับกุมหมอลำแบงค์ โดยมองว่า การจับกุมแกนนำเป็นหนึ่งในแนวทางการดำเนินคดีของตำรวจ ที่เน้นจับแกนนำทุกพื้นที่  เพื่อที่จะเบรกการชุมนุม ซึ่งทางกลุ่มขอนแก่นพอกันที มองว่าการชุมนุมหลังจากนี้จะไม่มีแกนนำแล้ว การที่เจ้าหน้าที่มาทำแบบนี้จะยิ่งทำให้มีคนเข้ามาร่วมการชุมนุมมากยิ่งขึ้น  ส่วนที่ จ.ขอนแก่น จะเดินหน้าจัดการชุมนุมต่อไป โดยเน้นการนัดรวมพลแบบไม่มีแกนนำ ใช้สื่อโซเชียลเพื่อดึงคนมาร่วมกิจกรรมให้ได้จำนวนมาก ซึ่งถ้าหากได้คนเยอะมากพอ ก็จะยกระดับการชุมนุม ที่สามารถกดดันการทำงานของรัฐบาลที่ไม่ตอบรับเสียงของประชาชน 

แม้แกนนำจะทยอยถูกจับกุม แต่เชื่อได้ว่าผู้ร่วมชุมนุมทุกคนนั้นยังคงเดินหน้าต่อไป ดูได้จากการชุมนุมทุกครั้งที่เมื่อเรานัดหมายที่ใด และเวลาใด ก็จะมาชุมนุมกันอย่างพร้อมเพรียง และแม้วันหนึ่งตนเองจะถูกจับกุมด้วยข้อหาที่ผู้มีอำนาจตั้งขึ้น ก็มั่นใจว่าทุกคนที่มาชุมนุมรั้นเป็นแกนนำ มีการจัดแฟลชม็อบที่เป็นแฟลชม็อบจริงๆ มีการถือโทรโข่งที่อยากจะพูดอะไรก็พูดได้ ไม่ต้องมีแกนนำขึ้นปราศรัย เพียงแค่ถือโทรโข่งมา ก็พูดในสิ่งที่ต้องการสะท้อนหรือเรียกร้องตามจุดยืนที่เราตั้งมั่นไว้คือ นายกรัฐมนตรีลาออก ยุบสภา และแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่วันนี้เพิ่มเติมมาอีกข้อเรียกร้องคือการปล่อยตัวแกนนำนักกิจกรรมที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่