"หมอเลี้ยบ" ชี้ คำสั่งปิด "วอยซ์ทีวี" เกินกำหนดไปแล้ว จะอ้าง พ.ร.บ.คอมฯ ก็ไม่ได้
วันนี้(20 ต.ค.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีคำสั่งปิด วอยซ์ ทีวี ระบุว่า หนังสือคำสั่งปิดวอยซ์ทีวีในวันที่ 20 ต.ค. ไม่สามารถอ้างอิงอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ เพราะเป็นคำสั่งเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2563 ซึ่งสิ้นผลบังคับใช้ไปแล้ว นอกจากนี้ยังไม่สามารถอ้างอิงตามความผิดใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ได้ เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุไว้ในมาตรา 35 ว่า การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพจะกระทำมิได้ ซึ่ง รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ กฎหมายอื่นที่ขัดแย้งรัฐธรรมนูญ ใช้บังคับมิได้
เนื้อหาทั้งหมดระบุว่า
สุญญากาศของอำนาจตาม พรก.ฉุกเฉิน :
คำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบฯไม่มีผลใชับังคับแล้ว
1. พรก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มีบทบัญญัติที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของบุคคล ดังนั้นจึงระบุตัวผู้รับผิดชอบการใช้อำนาจชัดเจนและจำกัดเวลาในการใช้
2. ผู้ใช้อำนาจตาม พรก.ฉุกเฉิน คือ นายกรัฐมนตรีที่รวบรวมอำนาจจากรัฐมนตรีมารวมศูนย์ในการออกข้อกำหนดต่างๆ
3. ตามมาตรา 9 ของ พรก.ฉุกเฉินให้อำนาจนายกรัฐมนตรีออกข้อกำหนดให้มีเคอร์ฟิว ห้ามชุมนุม ห้ามเสนอข่าวบิดเบือน ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม ห้ามใช้อาคาร
4. ตามมาตรา 10 ของ พรก.ฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรีมอบอำนาจให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบออกข้อกำหนดแทนได้ แต่ต้องรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว และถ้านายกรัฐมนตรีไม่ได้ออกข้อกำหนดเดียวกันภายใน 48 ชั่วโมงนับจากเวลาที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบออกข้อกำหนด ให้ข้อกำหนดนั้นสิ้นผลใช้บังคับ
5. คำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบที่ออกก่อนหรือออกภายในวันที่ 17 ตุลาคม 2563 ไม่มีผลใช้บังคับแล้ว เพราะเกิน 48 ชั่วโมง และยังไม่มีคำสั่งของนายกรัฐมนตรีในข้อกำหนดเดียวกันออกมาทดแทน
6. การปิดวอยซ์ทีวีในวันนี้จึงไม่สามารถอ้างอิงอำนาจตาม พรกฉุกเฉินได้เพราะเป็นคำสั่งเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ซึ่งสิ้นผลใช้บังคับแล้ว
7. การปิดวอยซ์ทีวีไม่สามารถอ้างอิง พรบ.คอมพิวเตอร์ฯได้ เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 ระบุไว้ในมาตรา 35 ว่า การสั่งปิดกิจการหนัง
สือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพจะกระทำมิได้ และมาตรา 5 ว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ กฎหมายอื่นที่ขัดแย้งรัฐธรรมนูญ ใช้บังคับมิได้
8. ถ้าประสงค์จะปิดวอยซ์ทีวีและสื่อมวลชนอื่น ห้ามชุมนุม ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ออกข้อกำหนดตาม พรก.ฉุกเฉินเอง ให้คนอื่นทำแทนไม่ได้และต้องพร้อมรับผิดชอบ