กอร.ฉ.จับตาระวัง "ม็อบชนม็อบ" ยันไม่มีคำสั่งใช้กระสุนจริง

พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ชุมนุมหลังรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในสถานการณ์ที่มีความร้ายแรง

พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยว่า จากการจัดชุมที่เดอะมอลล์บางแค เมื่อวานนี้ 19 ต.ค. ตำรวจ สน.หลักสอง ได้ขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ทราบชื่อ 1 คน คือนางญาศิภัสมณี เรืองศิริสกุล และผู้เกี่ยวข้องตามภาพอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนในพื้นที่อื่น ๆ ของการชุมนุม ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม ที่เริ่มมีการชุมนุมทางตำรวจได้จับกุมแกนนำและแนวร่วมไปแล้ว จำนวน 77 คน แบ่งเป็นความผิดกฎหมายอาญา 22 คน, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 54 คน และขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน 1 คน ส่วนกรณีที่แกนนำจะมีการประกาศบิ๊กเซอร์ไพรส์ ในเวลา 12.00 น. วันนี้ (21 ต.ค.) ตำรวจมีความพร้อมทุกวันและได้มีการจัดกำลังพลเสริมในการรับมือเพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนและกลุ่มผู้ชุมนุม

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงกลุ่มที่มีความเห็นต่างกัน ระหว่าง 2 กลุ่ม โดยยอมรับว่าตำรวจมีความกังวล แต่ได้มีแผนในการรับมือไว้แล้ว ซึ่งมอบหมายให้ผู้กำกับการแต่ละพื้นที่มีอำนาจสั่งการ และสามารถประสานขอกำลังพลของกองบัญชาการตำรวจนครบาลเข้าไปสนับสนุนได้ทันทีหากร้องขอ

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวถึงการเผยแพร่ข่าวปลอมในลักษณะว่าเจ้าหน้าที่จะใช้กระสุนจริงกับผู้ชุมนุมหรือสังหารหมู่ประชาชนและนักศึกษา ขอยืนยันว่าไม่มีคำสั่งให้ใช้กระสุนจริง และเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยหลังจากนี้จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อผิด พ.ร.บ.คอมฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อและอย่ากดแชร์ข่าวที่ไม่เป็นความจริง

ส่วนกรณีที่มีภาพข่าวตำรวจได้นำกำลังเข้าไปตรวจค้นจับกุมโรงงานผลิตหมวกกันน็อคที่สนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานอย่างชัดเจน แต่อาจเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปจับกุมหมวกที่ผลิตไม่ได้มาตรฐาน มอก. แต่กลับมีผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลไปเกี่ยวโยงกับการชุมนุม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าข่าวดังกล่าวเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอม

โฆษก กอร.ฉ. เผย ภาพรวมการชุมนุม ห้วง 24 ชม. เรียบร้อยดี ยังไม่มีความรุนแรง

นางสาวกัญญ์ณาณัฏฐ์ ภาธรสืบนุกูล โฆษกกองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง หรือ กอร.ฉ. กล่าวถึงภาพรวมการชุมนุมเมื่อวานที่ผ่านมา (20 ต.ค. 63) โดยระบุว่า จากการตรวจสอบพบการชุมนุมจุดหลักๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่บริเวณเซ็นทรัลปิ่นเกล้า และเดอะมอลล์บางแค ซึ่งมีการรวมกลุ่มแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัด พบประมาณ 22 จุดทั่วประเทศ และเริ่มพบมีการแสดงออกของกลุ่มที่มีความเห็นต่าง โดยส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย พร้อมยืนยันความจำเป็นต้องในการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา ต้องมีการปิดระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้าบีทีเอส และเอ็มอาร์ที เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท จนเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน หรือสร้างความเสียหายต่อระบบขนส่ง แต่ยอมรับว่า การชุมนุมต่อเนื่อง เริ่มส่งกระทบการสัญจรของประชาชนทั่วไป และทำให้ประชาชนบางส่วน เกิดความไม่มั่นใจในการใช้ชีวิต หรือออกไปจับจ่ายใช้สอย เกรงว่า จะสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งรัฐบาล กำลังเร่งหาทางออก ด้วยการเตรียมเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อลดแรงกดดันในสังคม โดยเปิดให้ผู้แทนราษฎรทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ทำหน้ารับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชน ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมสภาฯ เพื่อหาทางออกร่วมกัน แก้ปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ

ส่วนการระงับทุกแพล็ตฟอร์มออนไลน์ของว๊อยซ์ทีวี โฆษก กอร.ฉ. ย้ำว่า นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วง และยืนยันไม่ต้องการปิดกั้นการทำงานของสื่อมวลชน แต่ขอให้ปฏิบัติงานภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ยั่วยุปลุกปั่น หรือ ละเมิดสถาบัน ส่วน ประชาไท เดอะรีพอร์ตเตอร์ เดอะสแตนดาร์ด ให้เจ้าหน้าที่กลับไปตรวจสอบอีกครั้ง