เพลิงไหม้ชุมชนเผาวอดกว่า 30หลัง

เพลิงโหมลุกไหม้ ชุมชนเกาะกลางคลองพระโขนง เผาวอดกว่า 30 หลังคาเรือน ชาวบ้านหนีตายอลหม่าน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงด้วยความยากลำบากใช้เวลากว่า 2 ชม. จึงสงบ เคราะห์ดีไม่มีใครเจ็บ-เสียชีวิต สนง.เขตคลองเตย ตั้งเต็นท์ช่วยเหลือ

เหตุเพลิงไหม้ชุมชนชาวบ้านหนีตายอลหม่าน เปิดเผยเมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 22 กันยายน พ.ต.ท.วีรวุฒิ มโนรส สารวัตรเวร สน.พระโขนง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ภายในชุมชนเกาะกลางคลองพระโขนง ซอยสุขุมวิท 50 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยนายบัณฑิต วินิจฉัยกุล ผู้อำนวยการเขตพระโขนง และประสานรถน้ำจากหน่วยบรรเทาสาธารณภัยประมาณ 50 คัน เพื่อไประงับเพลิง

ที่เกิดเหตุเป็นชุมชนปลูกสร้างด้วยไม้ติดกันอย่างหนาแน่นกว่า 80 หลังคาเรือน ตั้งอยู่เกาะกลางคลองพระโขนง ติดกับโรงสูบน้ำพระโขนง มีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ควันดำคลุ้งไปทั่ว ชาวบ้านทั้งคนแก่และเด็กต่างหอบหิ้วข้าวของวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันอลหม่าน

เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำฉีดน้ำจากบนทางด่วนและด้านล่างเพื่อสกัดเปลวเพลิง แต่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากทางเข้าชุมชนดังกล่าวเป็นซอยคับแคบ และชุมชนอยู่กลางน้ำทำให้รถน้ำเข้าไปไม่ถึงเจ้าหน้าที่พยายามลงเรือลากสาย ยางไปฉีดน้ำในชุมชน และสูบน้ำจากคลองพระโขนงแต่เป็นไปด้วยความยากลำบากเช่นกัน เพลิงจึงโหมลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับเสียงถังแก๊สระเบิดเป็นระยะๆ ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่ยังมีกลุ่มควันอยู่ เจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำเลี้ยงไว้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันเพลิงลุกไหม้ขึ้นมาอีก หลังเพลิงสงบตรวจสอบพบว่าเพลิงลุกไหม้บ้านเรือนประชาชนไปกว่า 30 หลังคาเรือน ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

นางประไพ จันทร์งาม อายุ 52 ปี อาชีพแม่บ้าน กล่าวด้วยความตื่นตกใจว่า ช่วงที่นอนอยู่ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนว่าไฟไหม้ รู้สึกตกใจมากรีบวิ่งหนีออกมาเ พราะเพลิงไหม้รวดเร็วมาก ไม่สามารถนำทรัพย์สินอะไรออกมาได้เลย

 

ด้านนางลำดวน แก้วเกื้อญาติ อายุ 62 ปี กล่าวว่า ช่วงไฟไหม้ต้องรีบหนีออกมาอย่างรวดเร็วหยิบได้มาเฉพาะกระเป๋าใส่ยาเท่านั้น อยู่ที่ชุมชนแห่งนี้มาหลายปีไม่เคยเกิดไฟไหม้เลย

นางสุมาลี บุญวัฒนานนท์ อายุ 59 ปี กล่าวทั้งน้ำตาขณะอุ้มพระพุทธรูปว่า ตอนไฟไหม้หนีออกมาหยิบได้เฉพาะพระพุทธรูปและเสื้อผ้าออกมาไม่กี่ตัว หลังจากนี้ยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน

ขณะที่นายบัณฑิต วินิจฉัยกุล ผู้อำนวยการเขตพระโขนง กล่าวว่า ชุมชนดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ มีบ้านเรือนกว่า 80 หลังคาเรือน ชาวบ้านอาศัยกว่า 300 คน เบื้องต้นจะตรวจสอบอีกครั้งว่ามีบ้านเรือนเสียหายกี่หลังคาเรือน โดยจะมีการตั้งเต็นท์ให้การช่วยเหลือด้านน้ำดื่ม อาหาร และเครื่องนุ่งห่มต่อไป ส่วนบ้านต้นเพลิงทราบว่าเป็นบ้านเลขที่ 184 มีนายเลี้ยง เป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งสาเหตุของเพลิงไหม้และความเสียหายจะต้องตรวจสอบอีกครั้ง