"น้ำตาล ชลิตา" ตอบในมุมตัวเอง ดราม่ากองประกวดยึดมง ทำคนหมดความนับถือกับเวที
เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโลกออนไลน์ สำหรับกรณีดราม่าเรื่องนางงาม ฟ้าใส-ปวีณสุดา ดรูอิ้น มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ที่ไม่ได้มงกุฎและสายสะพายเหมือนคนอื่น จนเกิดข้อสงสัยขึ้นมามากมายท่ามกลางการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของแฟนนางงาม
ล่าสุด เมื่อมีโอกาสได้เจอนางงามรุ่นพี่อย่าง น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 จึงได้สอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าวว่าเธอทราบมากน้อยเพียงใด โดยเจ้าตัวได้เผยว่า เธออยู่คนละทีมกับที่ทำการจัดการประกวดของ ฟ้าใส จึงไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โดยส่วนตัวมองว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ หากเราได้มาก็ต้องทำอะไรตอบแทน เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นการตกลงระหว่าง 2 คน
ถามถึงดราม่าเวทีนางงามต่อเนื่องเลยเวทีของเรา ล่าสุดกับเรื่องสัญญา มงกุฎ สายสะพาย ?
“สำหรับของตาลไม่ได้อยู่กับ TPN ตาลอยู่กับทีมพี่อร คือสัญญาของตาลระบุเอาไว้อยู่แล้วว่า ถ้าเราจะได้ดำรงตำแหน่ง จะมีอะไรเป็นของรางวัลบ้าง แล้วเราจะต้องเซ็นกับเขา มันก็เป็นธุรกิจอย่างหนึ่งที่เขาได้เรามา เราก็ต้องทำงานให้เขา เราก็เหมือนได้จากตรงนี้ด้วย เพราะฉะนั้นมันเป็นการตกลงระหว่าง 2 คน”
ในฐานะที่เป็นนางงามรุ่นพี่ รู้สึกยังไงบ้างที่มีดราม่าเรื่อยๆ ?
“ตาลไม่ทราบว่าในวงในของเขามันเกิดอะไรขึ้น เพราะอย่างที่บอก ตาลไม่ได้อยู่ทาง TPN ก็เลยไม่รู้ว่ามันมีปัญหาอะไรยังไง แต่เราก็ได้ยินมาแว่วๆ ว่าเหมือนมีการยึดมงกุฎ อันนี้เราก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่พูดกัน”
แต่ของตาลคือได้มงกุฎ ?
“อยู่ที่บ้านค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้ไม่ได้เอาออกมาใช้เลยค่ะ”
เป็นเพราะตาลเซ็นสัญญาตามที่เขากำหนดมาตั้งแต่แรก ?
“ใช่ค่ะ เพราะเขาก็ต้องเอาสัญญามาให้เราดูตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ว่าถ้าคุณได้ตำแหน่งนี้ไป คุณจะทำตามข้อตกลงที่เขาเอามาให้ได้หรือเปล่า คือทุกอย่างต่อให้มันเป็นสัญญาที่ร่างมาแล้ว ยังไงมันก็จะมีการคุยกันว่า อันนี้เรารับได้ อันนี้เราขอได้ไหม มีอะไรบ้างที่เราสามารถผ่อนปรน แฟร์ๆ กันทั้งคู่”
ปีนี้ดราม่าเยอะมากจากเวทีอันทรงเกียรติ หลายคนหมดความนับถือ ?
“อาจจะด้วยที่ว่า ทาง TPN เขาเพิ่งจะมาจัดอะไรแบบนี้หรือเปล่า อาจจะใหม่นิดหนึ่ง แต่ทางพี่อรเขาก็มีมากี่ปีแล้ว สิบกว่าปีแล้ว ก็มีความเป็นโปรเฟสชั่นนอล แต่ตาลไม่ได้บอกว่าทาง TPN ไม่เป็นโปรเฟสชั่นนอลนะ เขาอาจจะใหม่ในเรื่องตรงนี้ เขาอาจจะยังไม่รู้ว่าในวงกว้างๆ มันเป็นยังไง หรือว่าในการที่จะรับมือกับแฟนนางงามหรือคนที่คิดต่าง คนที่แบบไม่เหมือนเรา มันอาจจะต้องมีการรับมือมากกว่านี้”
กับเพื่อนนางงามมีได้มานั่งคุยหรือถกเถียงกันเรื่องนี้ไหม ?
“ก็มีคุยกับพี่แนท พี่มารีญ่า ที่เราสนิทกัน ก็มีคุยบ้าง แต่ทุกคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย ของตาลก็เหมือนเคยมีปัญหาอย่างที่บอกเหมือนตอนนู้นใช่ไหม แต่ว่าจริงๆ แล้วมันขึ้นอยู่กับว่าข้อตกลงระหว่างเราสองคนมันเป็นยังไงดีกว่า”
ได้มีโอกาสคุยกับฟ้าใสไหม ?
“ไม่มีโอกาสค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้สนิทกันเลย และไม่เคยเจอ มานั่งคุยอะไรกันอย่างนั้นเลย”
ยังมีนางงามคนไหนไม่ได้มงแบบฟ้าใสไหม ?
“อันนี้ก็ไม่รู้ ตาลไม่ได้สนิทกับพี่ๆ หลายคนอะไรขนาดนั้น อย่างที่สนิทก็มีพี่แนทกับพี่มารีญ่า คือข้อมูลทั้ง 3 คนก็รู้กันแค่เท่านี้เหมือนกัน ไม่รู้อะไรมากกว่านี้ เราก็ได้แค่ติดตามว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป ก็รอให้ทุกฝ่ายออกมาชี้แจงให้ชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็รู้ดูเหมือนกัน”
แต่มงเรายังอยู่ที่บ้านดี ?
“แน่นอนค่ะ (หัวเราะ) อยู่บ้านจนแบบว่า เอ๊ะ หยากไย่ขึ้นหรือยัง (หัวเราะ)”
ของรางวัลอื่นๆ ตาลได้ครบหรือเปล่า ?
“ก็ได้ครบทุกอย่าง ตามรายละเอียดที่ทางสัญญาเขียนไว้เลย”
กลับมารับงานละครแล้ว ?
“จริงๆ ก็รับมาเรื่อยๆ ค่ะ แต่ไม่ได้หลายเรื่อง ก็รับได้ปีละเรื่อง เพราะว่าต้องเรียนด้วยค่ะ”
มันมีผลต่อเรื่องเรียนเราขนาดไหน ?
“จริงๆ ตอนนี้ตาลก็ลงเต็มทุกวิชานะคะในเทอมนี้ เพราะว่าในเรื่องนี้เขาถ่ายตอนวันเสาร์-อาทิตย์ เราก็เลยรับเรื่องนี้ บทน่าสนใจและรู้สึกท้าทายตัวเองด้วยค่ะ”
ไม่กระทบกับเรื่องเรียน ?
“ไม่กระทบค่ะ”
ตอนนี้เรียนอยู่ปีไหน ?
“ปี 3 ค่ะ ใกล้จบแล้ว”
แพลนจะจบตามเกณฑ์ ?
“ใช่ค่ะ อันนี้ตามเกณฑ์”
เป็นไงบ้าง เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ?
“ก็เหนื่อยนะคะ เพราะว่าตาลเรียนเอกฟิล์มมันจะต้องทำทั้งเบื้องหลังเป็นส่วนใหญ่เยอะ เป็นงานที่ออกกองต้องถ่าย พอเราเรียนเยอะ ลงเต็มทุกวิชา เรียนเช้า-บ่ายตลอด มันก็จะมีงานที่ต้องทำตอนกลางคืน มีไปทำงานบ้าง ถ่ายละครดึก ตี 2 ตี 3 กลับมา พรุ่งนี้ต้องมาเรียนตอนเช้า 9 โมงครึ่ง อะไรแบบนี้ค่ะ”
ช่วงนี้ก็เลยรับงานน้อยลง ?
“ใช่ค่ะ เพราะว่าเราต้องเรียนด้วย แต่ก็มีบ้างบางงานที่ได้รับตอนบ่ายๆ เย็นๆ ที่ไม่มีเรียน”
แรงที่ทำให้สู้ได้คืออะไร ?
“เราก็คิดถึงครอบครัว คิดถึงอนาคตของเรา ดีกว่าเราไปลำบากตอนแก่ เราอยากลำบากตอนที่เรากำลังมีแรงดีกว่า ดีกว่าไปหมดแรงแล้วไปลำบากต่อ ตอนนี้ก็รู้สึกสนุกกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามา”
เคยคิดอยากจะเบรกงานละครแล้วไปเรียนให้จบทีเดียวเลยไหม ?
“เคยคิดค่ะ เพราะว่าเหมือนตอนช่วงแรกๆ ที่ตาลกลับมา ก็ทำงานทุกวัน แต่ตอนนั้นคือเบรกจริงๆ เบรกไปประมาณปีหนึ่ง พอได้กลับมาก็อยากทำให้มันจบไปทีละเรื่อง เราไม่อยากให้มันคาราคาซังอยู่ตรงนี้ เราก็เลยเลือกที่จะเรียนให้มันจบทีเดียวดีกว่า”
แต่ก็ตามเกณฑ์แน่นอน ?
“ตามเกณฑ์แน่นอนค่ะ เพราะลงเต็มทุกวิชาเลย”
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ