"เข้ม หัสวีร์" เปิดใจแบบไม่กั๊กที่แรก ความรู้สึกกับ "มุกดา" แอบมองมาเป็นปี รู้สึกดีที่อยู่ใกล้

"เข้ม หัสวีร์" เปิดใจแบบไม่กั๊กที่แรก ความรู้สึกกับ "มุกดา" แอบมองมาเป็นปี รู้สึกดีที่อยู่ใกล้

"เข้ม หัสวีร์" เปิดใจแบบไม่กั๊กที่แรก ความรู้สึกกับ "มุกดา" แอบมองมาเป็นปี รู้สึกดีที่อยู่ใกล้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เรียกว่าแจ้งเกิดเป็นสามีแห่งชาติคนใหม่อย่างเต็มภาคภูมิ สำหรับพระเอกหนุ่มมาดเท่ เข้ม-หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล ที่ตอนนี้กลายเป็นขวัญใจสาวน้อย สาวใหญ่ทั่วบ้านทั่วเมือง หลังจากเจ้าตัวพิสูจน์ฝีมือแบบจัดเต็มในละคร "โซ่เวรี" ทางช่อง 7 สี ที่เพิ่งจบไปหมาดๆ พร้อมแจ้งเกิดคู่จิ้นคู่ใหม่ ระหว่างหนุ่มเข้ม และนางเอกสาวหน้าใส มุกดา นรินทร์รักษ์ จนแฟนๆ พากันสมัครเป็นแฟนคลับ "พ่อจ๋า-แม่จ๋า" กันล้นหลาม

ฮอตแบบฉุดไม่อยู่ขนาดนี้ sanook.com พลาดไม่ได้ ขอบุกไปหาหนุ่มเข้มเพื่อคว้าตัวมานั่งจับเข่าคุยกันถึงความฮอตแบบไม่ได้ตั้งตัวในช่วงนี้ และขอย้อนไปค้นชีวิตเด็กช่างกลของหนุ่มเข้มก่อนเข้าวงการว่าจะแสบซ่าแค่ไหน พร้อมกับเรื่องสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้อย่างเรื่องความจิ้นกับสาว มุกดา ที่แฟนๆ เชียร์กันไม่หยุดว่าตอนนี้ความสัมพันธ์เป็นยังไงกันบ้าง

 

ทราบมาว่าเข้มเป็นเด็กช่างกล เป็นยังไงบ้างชีวิตช่วงนั้น?

"ใช่ครับ ผมเรียน ปวช. เรียนเกี่ยวกับช่างมา ตั้งแต่เด็กน้าของผมเขาชอบแต่งรถ โมรถ เราเห็นแล้วก็ซึมซับตรงนั้นมาเรื่อยๆ ก็เลยไปลงเรียนช่างกลทำให้เรามีความรู้เรื่องงานช่าง งานเชื่อมอะไรแบบนั้น ชีวิตตอนนั้นก็ตอนกลางวันแต่งรถ ตกเย็นไปเล่นกีฬาเตะบอลกับเพื่อนๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย วันๆ แต่งรถ ทำเครื่อง เห็นเครื่องรถแล้วมาคิดว่าทำยังไงให้มันแรงขึ้น เพราะเราก็ไปเรียนมา อาจารย์ก็สอนหลักการต่างๆ เรียกว่าตรงนั้นก็มันเป็นความชอบและเรารู้สึกว่าเราอยู่กับมันได้นานครับ"

มีวีรกรรมแสบๆ บ้างไหม ตามประสาเด็กผู้ชาย?

"แสบๆ ซนๆ ครับ มีเรื่องมีราวเป็นปกติ ต่อยตีก็มีบ้าง แต่ตอนนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ  (หัวเราะ) เด็กๆ สมัยนี้เขาก็คงไม่ได้มองเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย เขามองเรื่องอนาคตกันมากขึ้น อย่างรุ่นเราเหมือนพอเรามีกลุ่มเพื่อนเยอะ คนนี้ก็อยากเก่ง คนนั้นก็อยากขึ้นมาเหนือชั้นกว่าคนอื่น ทำให้เกิดการท้าทายกัน"

"ส่วนตัวผมเองยังไม่เคยมีถึงขั้นเจ็บตัว หรือ เกิดอันตราย ถ้าดูแล้วว่าอันตรายเราจะไม่ไป (หัวเราะ) เพราะเราก็จะได้เห็นเหตุการณ์แบบนั้นบ่อยๆ อยู่แล้ว เป็นประสบการณ์ช่วงหนึ่งของชีวิต แต่ฝากถึงน้องๆ นะครับ เรื่องการต่อยตีกันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเลยนะ รถพังมันซ่อมได้ แต่คนพังมันซ่อมไม่ได้ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอะไรจะเกิดกับเราตอนไหน ทุกวันนี้ข่าวก็มีออกมาให้เห็นเยอะ อันตรายๆ มากๆ ครับ"

"เรื่องวีรกรรมของผมมีเยอะมากเล่าวันนี้น่าจะไม่หมด (หัวเราะ) ผมอยู่ในครอบครัวฐานะปานกลาง อยู่กับคุณตา คุณยาย เพราะ พ่อ แม่ ต้องออกมาทำงาน ตอนนั้นผมมีความคิดเป็นของตัวเองสูงเกินไป เคยโดดเรียน แล้วคุณตาคุณยายจับได้ อันนี้เป็นเรื่องซอฟท์ๆ นะ หนักกว่านี้ก็มีเป็นเรื่องที่เราทำโดยไม่ทันคิด เรามองโลกแค่อยากทำ อยากสนุก แค่นั้นเอง พอมองย้อนกลับไปเรารู้สึกว่าตอนนั้นคุณตาคุณยายเราคงเหนื่อยสุดๆ กับการดูแลหลานคนนี้ อยากให้หลานได้ดี อยากได้อะไรก็ซื้อให้ อยากเรียนโรงเรียนในตัวเมืองก็ส่งไปเรียน ค่าใช้จ่ายทุกอย่างจ่ายให้"

"แต่บางทีเราเองนั่นแหละที่เป๋ไป มีความอยากรู้ อยากลอง หลายสิ่งหลายอย่าง ทำให้คุณตา คุณยายเสียใจ ตอนนี้พอเราโตขึ้นเราเลยให้ครอบครัวสำคัญที่สุด ถึงเวลาที่เราต้องตอบแทนแล้ว เพราะเขาให้เรามาเยอะมากๆ ทั้งเงินทอง และความรู้สึก เพราะฉะนั้นอะไรที่ผมจะให้ได้ผมให้หมด เพราะผมก็ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านก็อายุมากขึ้นทุกวันด้วย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ผมตอบแทนจะให้ได้มากเท่าที่ท่านให้ผมมาตลอดไหม"

ล่าสุดเห็นว่ามีของขวัญให้ครอบครัวกันแบบจัดเต็ม?

"ทำสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไปบ้างแล้วครับ เราไม่ได้รวยขนาดนั้น แต่เป็นเงินเก็บที่เราเก็บสะสมมา คุณตาอยากได้รถที่ท่านฝันไว้ เอาไว้ใช้งาน ไปวัด ไปโน่นมานี่ เพราะคุณตาท่านเป็นคนที่คอยจัดการเกี่ยวกับงานบุญให้กับที่หมู่บ้าน อย่างเรื่องสร้างวัด จัดงานทำบุญ เขาก็จะให้คุณตาเป็นคนจัดการ"

"ต่อมาก็ซื้อบ้านให้คุณแม่ พาคุณแม่ไปดูแล้วท่านก็ชอบตั้งแต่วันแรกที่ไปดูเลย เราก็ซื้อ ราคาก็ประมาณนึง แพงใช้ได้อยู่ (หัวเราะ) แล้วก็ซื้อรถให้คุณแม่ ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเงินเก็บที่เราทำงานมาครับ"

เข้ม และคุณยาย

เด็กช่างกลกับพระเอกมันคนละทางเลย เราเบนเข็มมาวงการบันเทิงได้ยังไง?

"เริ่มจากเป็นนายแบบครับ เพราะผมอยากหาเงินส่งตัวเองเรียน พอดีมีคนติดต่อให้ไปลองงานนายแบบผมก็เลยลองดู รวมทั้งตอนนั้นพูดไม่เก่ง ถนัดทำอย่างเดียว คนบอกให้ทำอะไรทำได้ แต่จะไม่ถนัดพูด ก็เลยรู้สึกว่า โอเค ถ้าแค่เป็นนายแบบอย่างเดียวเราทำได้เพราะไม่ต้องพูด ตอนนั้นก็เดินแบบตามอีเว้นต์ต่างๆ มาเรื่อยๆ"

"จนกระทั่งได้รับโอกาสจากช่อง 7 ให้ลองไปแคสติ้ง เราก็ โอ้โห! ช่อง 7 เลยนะ คิดอยู่นาน โทรไปปรึกษาแม่ ตื่นเต้นมาก แล้วปรากฏว่าได้ จากคนที่ไม่ค่อยพูดก็ต้องฝึกละ ก็ฝึกตัวเองมาเรื่อยๆ ครับ เรียกว่าต่างกันมากเหมือนกันเพราะช่างเวลาทำงานก็จะอยู่กับตัวเองกับเครื่องยนต์ พอมาเป็นนักแสดงเราก็ต้องสื่อสาร ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนให้เป็น เพราะเราทำงานกับคนเพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจคน เข้าใจบท เข้าใจทุกอย่างให้ได้จริงๆ ว่าระบบการทำงานมันคืออะไร"

ก่อนจะมาดังเปรี้ยงปร้างในโซ่เวรี ก่อนหน้านี้ทำงานมากี่ปีแล้ว?

"ปีนี้เข้าปีที่ 4 ครับ 3 ปี ก่อนหน้านี้ถามว่าท้อไหม ผมว่าผมชินมากกว่า ผมชินกับการทำงาน เหมือนได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับศาสตร์และศิลป์การเล่นละคร พอเราทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ มันกลายเป็นความสนุก ความท้าทายว่าบทที่เราได้มาเราจะตีความและแสดงออกมายังไง มันไม่มีอะไรที่เรารู้สึกว่าเป็นปัญหาของเราเลย แต่มัน คือ ความสนุก อยากรู้ อยากลองไปเรื่อยๆ และอยากพัฒนางานตัวเองให้ดีกว่านี้ครับ"

จนตอนนี้กลายเป็นว่ามีข่าวเมาท์มาว่าเข้มเป็นลูกรัก ช่องดันหนักมาก?

"คำว่าลูกรักเนี้ยมีตั้งแต่ปีแรกที่ผมเข้ามาแล้ว (ยิ้ม) จริงๆ นะ  มีคนบอกว่าผมเป็นลูกรัก มีละครปีละ 2 เรื่อง ซึ่งผมจะบอกว่ามันเป็นปกติสำหรับผมครับ เพราะตั้งแต่ผมเข้ามาทำงานก็ได้เท่านี้มาตลอด และมีช่วงที่ไม่ปกติของผมด้วยซ้ำ คือ มีละครปีหนึ่งเรื่องเดียว พ่อแม่ไม่มีทางที่จะรักลูกไม่เท่ากัน อยู่ที่ว่าลูกคนนั้นจะขยันมากน้อยแค่ไหน ทำแบบไหนได้แบบนั้นครับ"

"ตอนนี้ทุกคนก็มีละครของตัวเองกันอยู่แล้ว ไม่มีคำว่าลูกรัก หรือ ลูกไม่รักหรอกครับ ทุกคนได้โอกาสในรูปแบบที่ทุกคนเหมาะสม เพราะฉะนั้นผมจะบอกว่าผมไม่ใช่ลูกรักครับ ผมเป็นลูกจ้าง ที่ได้รับโอกาสอะไรมาเราก็ทำเต็มที่ครับ (หัวเราะ) และจริงๆ ผมไม่ได้สนใจว่าผมเป็นลูกรักหรือไม่ได้เป็นลูกรัก ผมสนแค่ว่างานของผมออกมาเป็นแบบไหน ข้อเสียของเราเป็นยังไงและเราจะแก้ไขยังไงเพื่อให้งานเราเต็มที่และสมบูรณ์ที่สุดแค่นั้นเอง"

ครั้งแรกกับการมีคู่จิ้นของตัวเองก็ดังเป็นพลุแตก กลัวไหมว่างานต่อๆ ไป ไม่มีคู่จิ้นแล้วกระแสจะหายไป?

"ก็มีเกร็งๆ ครับ ไม่ได้เกร็งว่ากระแสจะหายไปนะครับ แต่เกร็งเรื่องคู่ที่จะมาเล่นกับเรา เพราะแน่นอนว่าช่องเราไม่ได้มีนางเอกคนเดียว เราก็อยากให้แฟนๆ ช่วยกันเชียร์ผลงานที่เราแสดงคู่กับคนอื่นด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นผมไปคู่ใคร หรือ มุกดา ไปคู่กับใคร ก็อยากให้ช่วยกันเชียร์ให้กำลังใจกัน ผลักดันกันดีกว่า อยากให้เป็นกำลังใจให้เราไปเรื่อยๆ ครับ" 

แล้วการมีคู่จิ้นเป็นครั้งแรกของเราเป็นยังไงบ้าง?

"ตื่นเต้นครับ ไม่เคยมีคู่จิ้นเลย จนมาเจอมุกดา ผมก็ต้องขอบคุณมุกดา เพราะเขาก็มีชื่อเสียงของเขาอยู่แล้ว มีแฟนคลับของเขา พอเรามาเจอกันในโซ่เวรีปรากฏว่ากระแสจิ้นค่อนข้างแรงมาก ผมไม่เคยได้รับอะไรแบบนี้เลยก็ตกใจเหมือนกันในช่วงแรก ตกใจ ลนลาน ตื่นเต้น (หัวเราะ) ถึงขั้นลนลานจริงๆ นะ เพราะเราไม่เคยเจอแบบ พ่อจ๋า แม่จ๋า อะไรแบบนี้ เขาก็จะมีแฮชแท็ก มีนั่น มีนี่ให้เราดู พอเราเห็นเราก็สนุกดี"

"กลายเป็นว่าเราเอ็นดูทุกคนที่เข้ามาเชียร์เรา เพราะเมื่อก่อนไปงานคนก็น้อย (หัวเราะ) แต่ทุกวันนี้ โอ้โห! มากันเยอะจนเราตกใจ เราก็เลยรู้สึกว่าทุกคนรักเราจากละครเรื่องนี้จริงๆ ก็อยากให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งผมเองและมุกดาด้วย"

เข้ม มุกดา และแฟนๆ

แน่นอนว่าการจิ้นมาพร้อมกับการเชียร์ให้เรากับมุกดากุ๊กกิ๊กกันจริงๆ เรารู้สึกยังไง?

"ผมว่าความรู้สึกมันก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแหละ ยิ่งทุกคนทำคลิปวิดีโอ มีการแซว มีอะไรเข้ามาตลอดเราเห็นเราก็รู้สึกว่าทำไมมันดีวะ (ยิ้ม) มันดีมากๆ เลย และเราก็ยังดูแลกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนเรื่องการจีบ หรืออะไรผมยังไม่เข้าใจในความหมายของมันว่าการจีบมันต้องจีบแล้วขอเป็นแฟนเลยไหม หรือว่าทำยังไง แต่สิ่งที่เราเป็นกันตอนนี้มันดีมาก เราดูแลกันมานานร่วมปี บางทีมันมีตอนที่เราเดินเป๋ๆ ไปบ้าง มุกดาก็จะช่วยเตือนเราทั้งเรื่องการทำงานและการดูแลตัวเอง"

"ส่วนมุกดาเขาเพรียบพร้อมอยู่แล้ว เราก็ดูแลเขาได้เล็กๆ น้อยๆ ในส่วนที่เราทำได้ อะไรที่เราดูแลเทคแคร์ได้เราก็ดูแลเขา ผมว่าเราต่างคนต่างช่วยซัพพอร์ตกันไปเรื่อยๆ แบบนี้มันเป็นอะไรที่ดีมากๆ แล้ว และก็หวังว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ (ยิ้ม)"

เวลาคนเชียร์มากๆ แอบมีหวั่นไหวหรือเปล่า?

"ก็มีบ้างแหละ (เขิน) เขาเป็นคนมีเสน่ห์ เป็นคนน่ามอง มองยังไงก็ไม่เบื่อ ใครๆ ก็ชอบ"

แล้าเราชอบไหม?

"ชอบค้าบ (ยิ้มเขิน ลากเสียงยาว) เอ็นดูเขา เราก็ดูแลกันไป"

เราดูแลเทคแคร์ หรือรู้สึกกับเขาเหมือนเพื่อนทั่วไปไหมล่ะ?

"ไม่เหมือน พิเศษกว่า เพราะรูปแบบที่เรามาเจอกัน เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อนเลย ถ้าเป็นเพื่อนเราก็จะเฮฮาทั่วไป กับมุกเราเจอครั้งแรกเราก็ประทับใจเขาแล้วในบุคลิก รูปร่างหน้าตา ยิ่งพอได้มาทำงานร่วมกัน ได้เห็นความเป็นเขาที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยเห็น เราก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ทำไมมันน่ามองจัง มองแล้วไม่น่าเบื่อ มองเขาได้ตลอดเวลา"

"อยู่กันมาเป็นปีผมก็มองอยู่แบบนี้ ไม่กล้าคุย ก็ได้แค่มองเพราะเราไม่กล้า เหมือนขั้วบวก ขั้วลบมาเจอกันแล้วมันสั่น เวลาอยู่ใกล้เขาแล้วรู้สึกว่าทำไมมันเขินจัง เรารู้สึกว่าเราอยากถนอมเขามากๆ เราก็เลยไม่รู้ว่าเราจีบไหมในการกระทำที่เราทำออกไปทุกครั้งที่เจอกัน"

ไม่ได้ตอบเอาใจแฟนคลับใช่ไหม?

"ไม่ๆ ผมก็แค่พูดตามที่ผมรู้สึก (เขิน)"

แสดงว่ามุกก็ คือ ตรงสเปค?

"ในความรู้สึกมันใช่ครับ มุกเขามีความโต มีความเป็นผู้ใหญ่ มีความคิดเป็นของตัวเอง ยิ่งทุกครั้งเวลาเขาเล่นอะไรเผลอๆ เขาน่ารักดี มันใช่แหละแต่ติดที่ไม่กล้า ลักพาตัวไปเลยเหมือนในละครดีมั้ย (หัวเราะ) ปกติผมก็พูดกลางๆ นะแต่สัมภาษณ์ครั้งนี้พูดไปหมดแล้ว (หัวเราะเขินๆ) เอาเป็นว่าดูแลกันไปแบบนี้ดีแล้วครับ เราก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ยังไม่อยากด่วนสรุป เพราะการเป็นแฟนกันมันต้องมีการกระทบกระทั่งกัน แต่การดูแลกันไปแบบนี้ ต่างคนต่างศึกษาตัวตนของกันและกันไปแบบนี้มันดีแล้ว"

"สมมติในวันหนึ่งเราได้คบกันเราจะได้ไม่ต้องแก้ไขอะไรแล้ว เราจะเข้าใจตัวตนของกันจริงๆ ดีกว่าคบกันไปแล้วต้องไปแก้ไขเอาข้างหน้า แล้วพอไม่ใช่กลายเป็นว่ามองหน้ากันไม่ติด เราเข้าใจกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดีกว่า เป็นความรู้สึกที่ดีที่ได้อยู่ใกล้กันครับ"

เข้ม-มุก

พูดเรื่องหวานแหววจนฟินไม่ไหวแล้ว ขอเบรกความฟินมาเรื่องข่าวก่อนหน้านี้หน่อย ที่มีคนออกมาบอกว่าเราไม่แมน เราอยากบอกอะไรไหม?

"เรื่องเริ่มมาจากคนเขาโยงจากที่พี่ดีเจมะตูมให้สัมภาษณ์ว่าเขามีคนคุยอยู่ แล้วพอดีช่วงนั้นเราก็ไปถ่ายรูปกับพี่เขาบ่อยเพราะเขาสนิทกับพี่หนิง เราเจอกันมานานแล้ว ด้วยความสนิทคนเลยมุ่งเป้ามาที่เราคนแรก ซึ่งเราก็คุยกับพี่เขาขำๆ ว่าเราคุยกันอยู่ใช่มั้ย (หัวเราะ) ก็พูดเล่นกัน เพราะจริงๆ เรารู้ตัวเองอยู่แล้วว่าเราเป็นยังไง แต่ผมว่ามันก็ไม่แปลกเพราะโลกมันเปิดกว้างแล้ว มัเป็นสิ่งที่สวยงาม"

มีบางคนที่ก็ใช้คำพูดแรงๆ พูดถึงเรา จน "หนิง ปณิตา" ต้องเข้าไปชี้แจง เราเองรู้สึกโกรธไหม?

"ไม่ครับๆ มันก็เป็นมุมมองของเขา ทุกคนคิดได้หมด เราไม่สามารถไปบังคับความคิดเขาได้แบบว่า เฮ้ย! ผมเป็นแมนนะ ไม่เชื่อพี่มาต่อยกับผมมั้ย (หัวเราะ) มันเป็นการใช้ความรุนแรง เพราะฉะนั้นวิจารณ์ได้ แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตของตัวเอง อย่าทำให้คนอื่นเขาเสื่อมเสีย หรือ ไปทำร้ายคนอื่นด้วยการใช้แค่มือถือมาพิมพ์อะไรที่ไม่ดี"

"การแนะนำกันเป็นสิ่งที่ดี แซวๆ กันได้ แต่สำหรับคนนี้ที่เขาโพสต์มันเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ พาดพิงถึงคนอื่นๆ ด้วย ผมรู้สึกว่ามันไม่น่ารัก หรือ ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ก็อินบ็อกซ์มาหาผม ถามผม เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังเอง (หัวเราะ)"

คุยกันมามากมายพอสมควร สุดท้ายแล้วอยากให้เข้มฝากอะไรถึงแฟนๆ สักหน่อย?

"นี่ก็เป็นการพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน (หัวเราะ) ยังไงก็ขอฝากขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่ติดตามกันมาตั้งแต่เข้าวงการเลย จนถึงตอนนี้บ้านเราก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง "บ้านเข้ม หัสวีร์" "บ้านเข้ม-มุก" ผมก็อยากจะฝากถึงบ้านเข้ม หัสวีร์ นะครับ ขอบคุณที่สนับสนุนกันมา เราคุยกันอยู่ตลอดอยู่แล้ว มีปัญหาอะไรคุยกันได้ตรงๆ ไม่ต้องน้อยใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นคนใหม่หรือเก่า ทุกคนเท่าเทียม พวกเราทุกคน คือ ครอบครัวเดียวกัน ช่วยกัน รักกัน ยังไงผมก็อยู่กับทุกคนแบบนี้ รักกันไว้นะครับ ดูแลกันครับ"

"และขอบคุณ บ้านเข้ม มุก นะครับ ที่มีสิ่งดีๆ มาให้กันเสมอ อย่างคลิปต่างๆ เราดูเองก็เขินเองนะครับ ผมก็อยากบอกว่าขอบคุณทุกคนที่เชียร์เราครับ"

เรียกว่าการพูดคุยกันครั้งนี้หนุ่ม เข้ม หัสวีร์ ของเราจัดเต็มปล่อยทุกความรู้สึกแบบไม่มีกั๊ก เห็นแล้วฟิน จิ้นตามจนหยุดเขินไม่ได้ แถมยังได้เห็นมุมความแสบของเด็กช่างสุดหล่อคนนี้ ที่ต้องบอกเลยว่าพกความมุ่งมั่นตั้งใจในการพัฒนาตัวเองมาเต็มร้อย สำหรับแฟนๆ ของหนุ่มเข้ม ก็อย่าลืมช่วยกันส่งกำลังใจให้เขาแบบสุดแรง หนุ่มเข้มจะได้มีกำลังใจสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมาให้เราชมกันอีกรัวๆ 

อัลบั้มภาพ 65 ภาพ

อัลบั้มภาพ 65 ภาพ ของ "เข้ม หัสวีร์" เปิดใจแบบไม่กั๊กที่แรก ความรู้สึกกับ "มุกดา" แอบมองมาเป็นปี รู้สึกดีที่อยู่ใกล้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook