สลด เมียช็อกสิ้นใจต่อหน้า เฒ่าป่วยติดเตียงนอนเคียงข้างศพขึ้นอืดนาน 4 วัน
เฒ่าป่วยติดเตียงหมดแรงร้องให้คนช่วย เห็นคาตาเมียช็อกสิ้นใจ นอนเคียงข้างร่างขึ้นอืดนาน 4 วัน จนกระทั่งเพื่อนบ้านมาเจอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (4 พ.ย.) ได้เดินทางไปที่บ้านไม่มีเลขที่ภายในซอยบ่อทอง 2 เขตเทศบาลตำบลตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของ นางวิภา อายุ 60 ปี ซึ่งมีคนพบเป็นศพขึ้นอืดนอนอยู่ข้างกาย นายน้อย อายุ 74 ปี ผู้เป็นสามีนอนป่วยติดเตียง อยู่ภายในบ้าน และนางวิภาได้เสียชีวิตมานานกว่า 4 แล้ว โดยที่สามีก็นอนป่วยอยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่มีใครรู้ จนกระทั่ง เมื่อเย็นวานนี้ (3 พ.ย.) ได้มีเพื่อนบ้านเข้ามาทักทาย จึงได้ทราบว่ามีคนเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านดังกล่าว
จากการตรวจสอบสภาพบ้าน พบว่าเป็นบ้านเพิงในสภาพเก่าทรุดโทรม ตั้งอยู่ในลานป่าพงหญ้า ซึ่งอยู่ห่างจากชุมชนที่มีบ้านหลายหลังไปประมาณ 200 เมตร
นางพัทธยา อายุ 40 ปี เพื่อนบ้านและเป็นผู้มาพบศพคนแรก เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเลี้ยงเป็น และจะต้องมาขอตัดต้นกล้วยที่บ้านของนางวิภาอยู่เป็นประจำ เพื่อนำไปทำอาหารให้กับฝูงเป็ดที่ไว้ ซึ่งเมื่อวานตนก็ได้มาขอนางวิภาอีก แต่เมื่อส่งเสียงตะโกนเรียกเข้าไปในบ้าน นางวิภาไม่ตอบกลับมา กลับกลายเป็นได้ยินเสียงแต่ของนายน้อยสามีของนางวิภา พยายามตะโกนสุดเสียงให้เข้ามาดูภายในบ้าน เมื่อตนเข้าไป นายน้อยซึ่งป่วยนอนติดเตียงอยู่ก็ได้บอกกับตนว่า นางวิภานอนเสียชีวิตแล้ว โดยระบุว่า เสียชีวิตอยู่ข้างกายนายน้อยมานานกว่า 4 วัน
นางพัทธยา ระบุด้วยว่า นายน้อยป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์เดินไม่ได้ ต้องนอนอยู่ติดเตียงมานานมากกว่า 1 ปีแล้ว ส่วนนางวิภา เมื่อก่อนก็มีอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่เมื่อสามีมาป่วยอัมพฤกษ์ นางวิภาก็ต้องหยุดงานมาอยู่เฝ้าดูแลสามี โดยมีชาวบ้านในพื้นที่ และผู้ใจบุญร่วมนำสิ่งของข้าวสารอาหารมาบริจาคให้เพื่อช่วยเหลือ
ซึ่งในวันที่พบศพนางวิภา ตนได้สอบถามกับนายน้อยในเบื้องต้น ก็ทราบว่า ก่อนที่นางวิภาจะเสียชีวิตในช่วงกลางคืน นางวิภาได้มากางมุ้งให้กับสามี และนางวิภาก็ได้เข้ามานอนในมุ้งอยู่ข้างกายของนายน้อยตามปกติ แต่ปรากฏว่าเมื่อหลับพักผ่อนไปสักพัก นางวิภาก็ได้ลุกขึ้นมาบอกกับนายน้อยหายใจไม่ออก แล้วก็น็อกหมดสติไป
โดยที่นายน้อยผู้เป็นสามีก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่ภรรยานอนทุรนทุราย จนภรรยานอนหมดสติไป แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะนายน้อยป่วยติดเตียง ไม่มีแม้กระทั่งจะส่งเสียงตะโกนเรียกให้เพื่อนมามาช่วย และบ้านของทั้งคู่ก็อยู่ห่างไกลจากเพื่อนบ้านหลังอื่นๆ ด้วย จึงเป็นเหตุให้นางวิภาเสียชีวิตอยู่ข้างกายนายน้อยมานานกว่า 4 วัน ถึงได้มาพบศพดังกล่าว
ด้าน นายติรัชกาล คงคา เจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิการกุศลตาคลี เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งเหตุ แล้วได้เข้ามาตรวจสอบสภาพศพร่วมกับแพทย์เวรโรงพยาบาลตาคลี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตาคลี นั้น พบว่า ตามร่างกายของนางวิภาไม่มีร่องรอยบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด และภายในที่พักก็ไม่มีร่อยรอยการรื้อค้นสิ่งของด้วย
แพทย์จึงลงความเห็นในเบื้องต้นว่าเสียชีวิตเอง และน่าจะเกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลว เนื่องจากนางวิภา อายุมากแล้ว จึงได้นำศพไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาล และกำลังมีการติดต่อญาติพี่น้องของนางวิภาที่กรุงเทพให้มารับศพ
ส่วนนายน้อย ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการพาเคลื่อนย้ายตัวไปรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลตาคลีแล้ว ซึ่งขณะนี้ กำลังอยู่ในระหว่างการติดต่อให้ญาติพี่น้องมารับตัวด้วยเช่นกัน โดยมีเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลตาคลีเข้ามาดูแลเพื่อให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว