ตะลึงทั้งวัด! สาวหิ้วศพทารกที่เพิ่งแท้งหมาดๆ มาให้พระทำบุญ อ้างลูกไหลหลุดเอง
สาวหิ้วศพทารกที่เพิ่งแท้งสดๆ ร้อนๆ มาให้พระทำบุญอุทิศ่วนกุศลและเผาให้ อ้างลูกไหลหลุดมาเอง
(4 พ.ย.63) เมื่อเวลา 16.00 น. พ.ต.ท.ประสิทธิ์ เมฆษา สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งจาก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรสามัคคี ต.บางเมือง อ.เมืองสมุทรปราการ ว่าได้มีหญิงสาวได้นำซากเด็กทารกใส่ถุงมาให้ทำบุญถวายสังฆทานและทำการเผาให้ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการเดินทางเข้าตรวจสอบ
ภายในกุฏิเจ้าอาวาสวัดดังกล่าวได้พบซากเด็กทารกเพศหญิงอายุในครรภ์ประมาณ 4-5 เดือน สภาพอวัยวะครบสมบูรณ์ ลำตัวเล็กมีขนาดยาวประมาณ 6 นิ้ว หอด้วยผ้าขนหนูสีชมพูใส่อยู่ในถุงหูหิ้วสีแดงซ้อนกันมา 2 ชั้น ส่วนผู้เป็นแม่นั้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ เนื่องจากมีอาการปวดท้อง
พระครูวินัยธรสมคิด ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้รับโทรศัพท์จากหญิงไทย อายุประมาณ 35 ปี รายหนึ่งที่อ้างว่ามีสามีเป็นชาวต่างชาติ แต่กลับต่างประเทศไม่ได้เพราะติดช่วงโควิด-19 ว่าจะขอมาทำบุญให้ลูกที่เกิดแท้งระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งตอนนั้นอาตมาก็คิดว่าเขาน่าจะมาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เด็กที่แท้ง จึงได้บอกให้มาทำที่วัด จนกระทั่งหญิงสาวคนดังกล่าวเดินทางมาถึงวัดและเข้ามาในกุฎิ โดยหิ้วถุงใบดังกล่าวเข้ามาด้วยซึ่งภายในมีศพทารกที่ห้อด้วยขนหนูอยู่ภายในถุง อาตมาก็ตกใจจึงได้เรียกชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกุฏิมาช่วยกันดู
โดยหญิงคนดังกล่าวได้เล่าทั้งน้ำตาว่า ทารกคนนี้เป็นลูกของตนที่อุ้มท้องมาได้ประมาณ 4 เดือน 7 วัน และเมื่อช่วงสายของวันนี้ตนได้เกิดป่วยท้องจึงเข้าห้องน้ำ ในขณะที่ตนนั่งทำพาระกิจอยู่ในห้องน้ำทารกคนดังกล่าวได้เกิดไหลหลุดออกมา ก่อนที่หญิงคนดังกล่าวจะขอตัวไปซื้อของใช้เด็กอ่อนเพื่อนำมาถวายสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้กับทารกน้อย ระหว่างนั้นลูกศิษย์และชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่าจะเผาศพเด็กโดยไม่มีที่มาที่ไปไม่ได้ ทำให้อาตมาไม่สบายใจ จึงให้ลูกศิษย์เดินไปตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ตู้ยามใกล้มาวัดมาตรวจสอบ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวหญิงสาวแม่ของทารกรายนี้ไปตรวจร่างกายและรักษาตัวที่โรงพยาบาล สมุทรปราการ เนื่องจากมีอาการปวดท้องจากการแท้งลูก และมอบศพทารกคนดังกล่าวให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่สถาบันนิเวช หากพบว่าเป็นการแท้งเองโดยธรรมชาติ ก็ไม่มีความผิดทางกฎหมาย อย่างไรก็ตามจะต้องรอการสอบสวนหญิงสาวคนดังกล่าวอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป