"เจี๊ยบ เบญจพร" เลิกเจ็บ เลิกอาฆาต มูฟออนชีวิตรักผัวเด็ก บอกกับตัวเอง "ไม่ขอแต่งงานอีก"
หลังจากที่ต้องผิดหวังเรื่องความรักกับสามีรุ่นน้องที่มีอายุห่างกันถึง 27 ปี แถมยังจบชีวิตคู่ด้วยการฟ้องหย่าจนกลายเป็นคดีความใหญ่โตที่แฟนๆ ต่างให้ความสนใจ
ล่าสุดนักร้องสาว เจี๊ยบ เบญจพร อาร์สยาม ก็ได้ออกมาอัปเดตความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวในงานประกาศรางวัล ตาชั่งทอง ซึ่งเธอเผยว่าตอนนี้ศาลได้ทำการตัดสินคดีเรียบร้อยแล้ว โดยให้ทั้งสองฝ่ายแบ่งสินสมรสกันคนละครึ่ง แต่เพราะอดีตสามีต้องการที่จะยื่นอุทรณ์ต่อ ตัวเธอเองก็ยินดีเช่นกันที่จะทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ด้วยความหวังว่าเผื่อจะมีอะไรปรับเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ส่วนเรื่องของความรู้สึกโกรธแค้นต่างๆ เจี๊ยบ เบญจพร เผยว่า ณ ตอนนี้ตัวเธอเองไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว รวมถึงยังยินดีที่จะเปิดใจให้กับความรักอีกครั้ง แต่แค่ไม่ได้โฟกัสหรือวาดฝันว่าจะต้องลงเอยที่การแต่งงานเหมือนเมื่อก่อนก็เท่านั้นเอง
อัปเดตความคืบหน้าคดีความกับอดีตสามี ?
“เบื้องต้นในศาลแพ่งคดีครอบครัวนะคะ ตัดสินไปแล้วเป็นที่น่าพอใจ สินสมรสก็แบ่งกันคนละครึ่ง บ้านที่เราสร้าง แต่เขายื่นอุทรณ์ เพราะฉะนั้นก็ต้องรอให้ศาลพิพากษาอีกรอบ เพราะมันเป็นกฎกติกา การที่เขายื่นอุทรณ์นั่นหมายความว่าต้องการที่จะให้พิจารณาใหม่ ซึ่งเราคิดว่าก็เห็นสมควร ความหมายคือมันเป็นเรื่องสินสมรสมันอาจจะมากกว่าหนึ่ง เพราะฉะนั้นในเบื้องต้นเราพอใจแล้ว แต่ถ้ามีการแย้งหรือยื่นอุทรณ์เพื่อที่จะให้ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบกว่านี้หรือเคลียร์ชัดกว่านี้ เราก็เห็นด้วย เพราะเราเองก็ยังติดใจเหมือนกันว่าในความถูกต้อง เผื่อว่ามันมีอะไรดีขึ้น ส่วนในคดีอาญายักยอกทรัพย์มันเป็นเรื่องของสามีภรรยา มีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษซึ่งอันนี้เราเข้าใจ อยากให้เป็นกรณีตัวอย่างว่าอะไรที่เราพูดไว้แล้ว เราก็อยากจะปฏิบัติ ทำให้เขารู้ว่าทุกอย่างมันมีขั้นตอนของมัน ถึงแม้ว่าจุดหมายปลายทางเราจะรู้ว่าเขามีความผิดหรือไม่ต้องรับโทษ แต่ในส่วนผิดก็ว่ากันไป เพราะว่าในส่วนลึกๆ ไม่ได้อาฆาตแค้นอะไรเลย ถึงจุดนี้เราแค่รู้สึกว่าเราแค่อยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ แล้วเรามีความสุข ขอบคุณที่เกิดเรื่องนี้ค่ะ”
พระเลี่ยมทองเขาเอาไปจริงใช่ไหม ?
“คือในเมื่อศาลตัดสินมามีความผิด ไม่ต้องรับโทษอะไรก็ตามนะคะ เราก็ไม่อยากจะสาวแล้ว พูดไปพูดมาก็จะกลายเป็นประเด็นเปล่าๆ เพราะตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็เดินหน้าทำมาหากินกัน แต่ในเรื่องของการฟ้องร้องในคดีต่อมาจากนั้นมันก็ยังมีอีก เช่น การยื่นอุทรณ์ ต้องยื่นพิจารณาใหม่ทั้งสองฝ่าย มันก็ยังไม่จบ ฝ่ายเขายื่น ฝ่ายเราก็ยื่น แต่ในเบื้องต้นขั้นตอนแรกของการพิจารณาในศาลแพ่งเราพอใจแล้ว แต่ในเมื่อเขายื่นอุทรณ์ก็โอเคได้ค่ะ พร้อมที่จะพิสูจน์ได้เรื่อยๆ”
สิ่งที่เราบอกว่ายังติดใจคืออะไร ?
“คือเหมือนกรณีสินสมรสทั้งสองฝ่าย ตามข้อตกลงคือที่เขา เราสร้างบ้านเรา เวลาศาลพิจารณา เขายื่นอุทรณ์เหมือนเขาอยากจะต่อสู้ว่าเขาสร้าง ส่วนฝั่งเราเบื้องต้นศาลแพ่งตัดสินใจบ้านเป็นของเรา แต่ด้วยความเป็นสามีภรรยา มันก็ต้องบังคับคดีขาย ก็ต้องแบ่งครึ่งอยู่ดี ในเมื่อจังหวะเขายื่นอุทรณ์มาว่าเขาต่อสู้ว่าเขาสร้างเอง มันก็เป็นโอกาสให้เรายื่นพิจารณาอีกรอบว่างั้นเราก็ควรที่จะได้ทั้งที่ดินและบ้านด้วย เพราะสินสมรสทั้งสองฝ่าย ตัวเรายังไงก็ได้แล้วอยู่ที่ศาลแล้ว เราให้เกียรติการตัดสินใจ แต่ในเมื่อเขาอยากจะพิสูจน์ก็ดี มันก็เป็นโอกาสให้เราได้พิสูจน์ด้วยกัน”
คิดว่าเขาต้องการอะไรที่ยื่นอุทรณ์ ?
“เชื่อไหมต้องแต่เกิดเรื่องจนถึงทุกวันนี้ไม่เคยคุยกันเลย เหมือนเดิมทุกอย่าง แม้กระทั่งครอบครัวเขาด้วยนะคะ พ่อแม่เขาด้วย และตัวเขาเองด้วย ไม่เคยคุยกันเลย ทางเขาก็ยังเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจอกันแต่ในศาล ไม่คุยกันนะคะ”
ศาลแพ่งตัดสินไปเมื่อไหร่ ?
“ตัดสินไปเป็นเดือนแล้วค่ะ พอเขายื่นอุทรณ์มา เราก็ยื่นอุทรณ์ด้วย เหมือนที่บอก จริงๆ เราพอใจแล้วแต่ถ้าเขายื่นอุทรณ์ก็ไหนๆ ก็ไหนๆ ยุติธรรมดี เพราะว่าจริงๆ บ้านคนละครึ่งแล้ว แต่ถ้าเขายังยื่นที่จะสู้ เราก็ได้ค่ะ เผื่อว่าเราจะได้ทั้งที่ดินและบ้าน เพราะจริงๆ ตอนตกลงกัน มันเป็นแบบนั้น”
เจ็บใจไหมตอนนั้นเราคบหันด้วยความรัก แต่วันนี้มาจบลงด้วยทรัพย์สินจนเรื่องถึงศาลแล้ว ?
“คือทั้งชีวิตเราทำมาหากินมา คิดแค่ว่าจะสร้างตัวแล้ว แต่เรากลับมาเชื่อในรักแท้ในตอนที่เราแก่ไป เพราะฉะนั้นเวลาเสียหลักเราเหมือนจะเจ็บกว่าคนอื่น เสียเวลา เสียโอกาสเยอะมาก ถ้าถามว่าใจเป็นยังไงเราโอเคแล้ว แต่ถ้าเรื่องสิทธิ์หรือสิ่งที่ควรจะเป็นไปในฐานะลูกผู้หญิงที่สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน เราก็ควรจะได้สิทธิ์ตรงนั้นของเราคืน"
"แต่ถ้าบางคนคิดว่าเป็นเวรเป็นกรรมกันมา เราก็แล้วแต่ เพราะจริงๆ ถ้าเขาไม่ยื่นอุทรณ์เรื่องนี้จบแล้ว พอเขายื่นอุทรณ์ เราก็ต้องได้ค่ะ ก็จะต้องไกล่เกลี่ยกันอีก 4-5 เดือนถัดไป เรื่องนี้น่าจะจบทุกสิ่งอย่างที่ประมาณต้นปีหน้า และอาจจะมีการฟ้อง การเคลียร์อะไรก็ตามอยู่ที่ทนาย แต่สุดท้ายแล้วทางเราไม่ได้รับการติดต่อ เพราะฉะนั้นแล้วเหมือนเรายืนเฉยๆ เขาว่ายังไง เขาไม่คุยกับเรา เราก็ไม่คุย ก็ว่าไปตามขั้นตอนเหมือนเดิมทุกอย่าง”
กลัวคดีพลิกไหม ?
“ไม่มีหรอกค่ะ เพราะจริงๆ การตัดสินเบื้องต้นเราโอเคแล้วไงคะ การที่เราขายบ้านบังคับคดีแบ่งกันเราจบแล้วไงคะ จริงๆ เราพอสูจน์แล้ว เอาตรงๆ นะ เราเป็นคนถูกกระทำ เรื่องมันเกิดขึ้นมันมาจากทางไหนทุกคนก็รู้ เราพอใจแล้ว แต่ในเมื่อเขายังไมาพอใจ หรือมันจะเป็นโอกาสให้เราได้ต่อสู้ต่อในส่วนเราควรจะพึงได้หรือเปล่า สงสารพี่เถอะ แก่แล้ว(หัวเราะ)”
ณ วันนี้เราให้อภัยเขาแล้ว ?
“ส่วนตัวเฉยๆ ค่ะ มันไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว มันเจ็บไปเมื่ออาทิตย์ สิบวันนั้นแล้ว เหมือนเราเริ่มใหม่ เราไม่ใช่เด็กวัยรุ่นที่จะมานั่งฟูมฟาย สุดท้ายก็ต้องมาดูแลครอบครัว สงสารแม่ไง ทุกวันนี้อยูากับแม่สองคนเลยมีความรู้สึกว่าเรื่องแบบนี่เราอาฆาตไม่ได้นานนะ แต่ในเมื่อสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันมาจากทางเขาไง เราแค่ตอบโจทย์ไปให้เท่านั้นเอง เขาอยากสู้อะไร เขาจะว่ายังไง เราก็ว่าไปตามนั้นเองแค่นั้น แต่ในส่วนตัว ไม่เสียดาย ไม่คิดถึง ไม่รู้สึกอะไรเลย”
แบบนี้คนที่จะเข้ามาใหม่ เราต้องดูดีๆ ไหม เข็ดกับการมีครอบครัวเลยไหม ?
“มันก็น่าอายนะ เพราะตอนโควิดพูดว่าจะไม่เอานะ แต่พอช่วงโควิด มันก็เริ่มมีคนเป็นห่วงเรา เอาหน่ะๆ เราก็จะได้กระชุ่มกระชวย เราคงคิดว่าเราคงไม่กล้าแต่งงานปีหน้า เราคงไม่แต่งแล้ว พูดเผื่อคนคุยด้วยเขาจะอะไรก็แล้วแต่นะ เราตกลงเลยว่าเราขอคุยแบบสบายใจ บางทีบางอย่างมันไม่จำเป็นต้องเป็นผัวเมียนะคะ มันเป็นกำลังใจกันดีกว่า เติมสิ่งที่เราขาด มีความเป็นห่วงเป็นใย ความคิดถึง เอื้ออาทรกัน บางทีมันอาจจะดีกว่านั้นก็ได้ ดวงเรานะเขาทักว่าถึงมีแฟนก็ไม่เคยเปิดเผย ก็เลยหลอมๆ แหลมๆ ไปในสตอรี่อะไรแบบนี้”
ยังเป็นหนุ่มน้อยอยู่ไหม ?
“หนุ่มน้อยอีกแล้วเหรอ กลางๆ เนาะ ไม่เด็กขนาดนั้น พอเถอะ”
ยังมีความกลัว ความหลอนกับคนที่จะเข้ามาในใจเราไหม ?
“ถ้าเอาจริงๆ ก็หลอน เราโดนทักไม่ใช่คนเดียว ทั้งพระอาจารย์ คนที่เรานับถือ ดวงเราไม่ควรจะมีคู่ค่ะ หรือถึงมีก็ไม่ควรจะเปิดเผย แต่ไม่ใช่ว่าขนาดไม่ให่เกียรติกันเลย เผื่อวันข้างหน้าเราจะได้เจอคนที่ดีจริงๆ เราจะเสียโอกาส แต่ตอนนี้เอาเป็นว่าแค่เติมกำลังใจให้กันในการที่เราจะคุยกัน เดินหน้าต่อไป เราโอเคแล้ว เพราะมันมีแผน และใครเข้ามาตอนนี้ ถือว่าโชคดี เพราเราไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรให้เขาหลอกค่ะ นอกจากหุ่นอวบๆ นิดๆ หน่อยๆ ตามประสา ไม่มีอะไรจริงๆ ไม่มีอะไรให้เขาหลอกเลย ยามนี้แล้ว ถ้าเขาเข้ามาเรารู้ได้เลยว่า เขาจะเอาอะไรคะ ระดับนี้ยังต้องมาหลอกฟันกันอีกหรอคะ มันไม่ใช่แล้ว ตอนนี้มองในมุมบวกๆ แล้วค่ะ”
ณ ตอนนี้ถือว่าเริ่มตั้งตัวใหม่ ?
“ใช่ค่ะ จริงๆ เราเริ่มตั้งตัวได้ก่อนโควิดนะ กำลังดีเลยแหละ แล้วบังเอิญมันเป็นสถานการณ์โควิดทุกอย่างเลยชะงักไป ขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกคนนะคะ เจ้าภาพด้วยที่เห็นใจแม่หม้ายและการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในยามที่เราอายุเยอะขนาดนี้ ถึงแม้ว่ามันจะหนักหนาขนาดไหน สุดท้ายแล้ว เจี๊ยบโชคดีที่มีแฟนคลับ และมีคนรักเรามากกว่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงย้ำว่าโชคดีจังเลยค่ะ ที่มันเกิด เราไม่รู้ว่ายังอยู่ตรงจุดนั้น เราอาจจะไม่มีแล้วก็ได้ เราไม่รู้จริงๆ จริงๆ ตรงนั้นเราอึดอัดมานานแล้วเหมือนกัน แต่ว่าในเมื่อทางออกมันเป็นแบบนั้นก็ถือว่าเขาเป็นคนเลือก เราไม่ต้องเป็นคนทำ ดีแล้วค่ะที่มันเกิดขึ้น”
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ