คดีหลอน วิญญาณหนุ่ม 18 เข้าสิงร่างเด็กสาวกลางงานศพ บอกไม่ได้รถล้มเองแต่ถูกไล่ฆ่า
คดีหลอน วิญญาณหนุ่ม 18 เข้าสิงร่างเด็กสาวกลางงานศพ บอกไม่ได้รถล้มตายเองแต่ถูกฆ่า ขอโทษญาติที่ต้องใช้ร่าง
จากกรณีเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์ สังเกตเห็นป้ายบอกทางโค้งข้างถนนสายนางรอง-หนองกี่ ขาเข้า อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ มีร่องรอยชน หัก งอ จึงขับรถยูเทิร์นรถกลับมา ใช้ไฟฉายส่องบริเวณนั้น พบรถจักรยายนต์ก่อน เมื่อส่องไฟต่อก็พบร่างผู้เสียชีวิต คือ นายมาร์ค อายุ 18 ปี เหตุเกิด 27 ต.ค.63
ต่อมาวันที่ 8 พ.ย. 63 นายอิทธิกุล อายุ 30 ปี พี่เขยผู้เสียชีวิตได้เดินทางพาผู้สื่อข่าวมาดูที่เกิดเหตุอีกครั้ง ได้อธิบายลักษณะร่องรอยที่เกิดอุบัติเหตุ โดยระบุว่า ผู้เสียชีวิตได้เสียหลักลงข้างทางแล้วไถลไปกระแทกกับเสาป้ายบอกทาง ซึ่งมีคราบเลือดติดอยู่ แล้วไถลไปอีกประมาณ 15 เมตรชนกับคันดินใกล้กับฐานเสาไฟส่องสว่าง หลังจากนั้นผู้เสียชีวิตได้กระเด็นออกไปอีก 3 เมตร ส่วนรถ จยย.กระเด็นไปอีกเกือบ 10 เมตร
โดยนายอิทธิกุล ได้กล่าวอีกว่า รอบแรกที่มาประกอบพิธีเรียกวิญญาณน้อง (ผู้เสียชีวิต) ในวันที่ 3 พ.ย.2563 แล้ววิญญาณยังไม่ได้ไปไหน จนถึงวันเผาศพ วันที่ 6 พ.ย. หลังจากที่ได้ประกอบพิธีฌาปนกิจเสร็จ ช่วงเย็น น้องมาร์คผู้เสียชีวิตได้ไปเข้าร่างของ ด.ญ.แอ๋ม (นามสมมติ) วัย 14 ปี ญาติซึ่งเคยเจอหน้ากันบ้าง แต่ไม่ได้สนิทสนมกัน ร่างได้พูดมาว่า “ยังไม่ไปไหนนะ มารับด้วยหนาว อยู่นี่มา 3 วันแล้ว เรียกใครก็ไม่มีใครได้ยิน ทำไมผมเรียกใคร ไม่มีใครช่วยผมเลย”
ตนเลยถามน้องมาร์ค ผ่านร่างไปว่า แล้วจุดที่เสียชีวิตอยู่ตรงไหน ร่างบอก “เดี๋ยวจะพาไป” ตนจึงได้นิมนต์พระมาทำพิธีอัญเชิญวิญญาณในที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยร่างได้ชี้ไปที่บริเวณใกล้ๆ กับเสาไฟส่องทาง บอกว่า น้องมาร์คยืนอยู่กับยาย ยายใส่ชุดขาว ซึ่งยายได้เสียชีวิตไปแล้ว 5 ปี ตนเลยมาทำพิธีบริเวณที่ร่างน้องมาร์คชี้บอก แล้วตนก็ได้ถามร่างน้องมาร์คไปว่า เสียชีวิตตรงนี้ใช่ไหม ร่างน้องมาร์คตอบ “ใช่ ผมโดนไล่มา มันยิงผม” ตนและญาติๆ พยายามถามไปซ้ำๆว่า ใครเป็นคนยิง ใครเป็นคนตาม ร่างน้องมาร์คก็ตอบมาเพียงว่า “คู่อริ”
หลังจากเสร็จพิธีอัญเชิญวิญญาณก็ได้พาน้องขึ้นรถไปทำพิธีต่อที่บ้าน โดยร่างน้องมาร์คได้กระซิบบอกตนว่า “พี่ช่วยผมให้ได้นะ มีพี่คนเดียวที่ช่วยผมได้” คือร่างต้องไปกับตนตลอด เพราะมีตนคนเดียวที่สื่อสารกันได้ โดยตนได้แบกร่างน้องมาร์คขึ้นหลัง ซึ่งแปลกที่ว่า เด็กผู้หญิงตัวเล็กนิดเดียวทำไมรู้สึกหนักจังเลย ตนรู้สึกว่าน้ำหนักจะเกิน 100 กิโลกรัม ญาติๆ จึงต้องมาช่วยประคองตนอีกที ซึ่งตามความเชื่อของคนแก่ เมื่อโดนผีสิงร่าง น้ำหนักจะเพิ่มขึ้น คล้ายกับมี 2 ร่างในตัว
ตนจึงได้ถามร่างน้องมาร์คไปว่า เป็นยังไง ร่างตอบ “พี่มาร์คให้เดินช้าๆ เพราะเจ็บขา” ในที่นี้ ตนต้องทำทุกอย่างให้เหมือนจริง เพื่อให้วิญญาณไปกับเรา สุดท้ายตนได้ถามร่างน้องมาร์คไปว่า ในเรื่องของคดี ตนจะทำให้ถึงที่สุดเท่าที่ช่วยได้ แต่ถ้าได้หรือไม่ได้ยังไง อย่าว่ากันนะน้อง แต่พี่ขอให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกันนะ เมื่อร่างน้องมาร์คได้ยินคำนี้ก็นิ่งเฉยไม่รับ ไม่ตอบ
ด้านนางบัวเลิศ แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนที่น้องมาร์คจะเสียชีวิต ราวต้นเดือนพฤศจิกายน น้องพูดแต่คำเดิมๆ ว่า “อยากเห็นแม่ อยากกอดแม่ อยากให้แม่มาบ้าน หนูไม่สบายใจ" ตนบอกมีปัญหาอะไรให้พูดมา ปรึกษาแม่ ปรึกษาน้าๆ ได้นะ น้องมาร์คก็เอาแต่ร้องให้ ไม่พูดอะไร ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกไม่เคยพูดคุยในลักษณะนี้มาก่อน ซึ่งก่อนหน้านั้นตนได้สัญญากับลูกไว้ว่าจะกลับมาเกี่ยวข้าวในวันที่ 13 พ.ย. ที่จะถึงนี้ เพราะตนทำงานหน่วยงานราชการ จะลางานยาก
ล่าสุด (10 พ.ย.63) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบ พ่อ ด.ญ.แอ๋ม (นามสมมติ) วัย 14 ปี ซึ่งเป็นผู้หญิงที่ถูกวิญญาณของนายมาร์ค อายุ 18 เข้าร่างมาสื่อสารบอกญาติๆ ว่าถูกไล่ฆ่า โดยได้ชี้เบาะแสของคนร้าย ที่บ้านหนองแวง เลขที่ 58 ม.15 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบน้องแอ๋ม (นามสมมุติ) กำลังนั่งซึมอยู่จึงได้เข้าไปพูดคุยกับพ่อและปู่ของน้องถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น
นายวิชัย อายุ 39 ปี พ่อน้องแอ๋มวัย 14 ปี ที่ถูกวิญญาณเข้าร่าง เล่าว่า ตนพาลูกสาวไปร่วมงานวันฌาปนกิจศพ นายมาร์ค ขณะนั้นเวลาประมาณ 11.00 น. ซึ่งญาติกำลังประกอบพิธีเคลื่อนย้ายศพไปฌาปนกิจที่วัดบ้านกันตรวจ ต.กันตรวจระมวล อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ห่างจากจุดเกิดอุบัติเหตุไม่ไกล ซึ่งเมื่อไปถึงตนก็รู้สึกแปลกๆ เมื่อลูกสาวของตนวิ่งไปกอดแฟนสาวผู้เสียชีวิตที่กำลังร้องไห้โฮ ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักแฟนผู้เสียชีวิตเลย โดยน้องแอ๋มได้มาเล่าบอกตนทีหลังว่า เหมือนได้ยินเสียงมีคนกระซิบว่า “ไปปลอบแฟนพี่หน่อย” หลังจากนั้นเมื่อทำพิธีฌาปนกิจศพเสร็จแล้ว ตนได้ชวนลูกสาวกลับบ้าน ลูกสาวตนเลยพูดในลักษณะไม่อยากลับ ตนก็เลยกลับบ้านกับลูกชายอีกคน
เมื่อถึงเวลาเก็บกระดูกลูกสาวตนก็มีอาการแปลกๆ คล้ายมีวิญญาณเข้าร่าง เหมือนจะสื่ออะไรบางอย่าง ญาติที่งานศพจึงโทรศัพท์มาบอกตน ตนจึงรีบเดินทางมา โดยลูกสาวกล่าวในทำนองว่า “อยากให้ช่วย และบอกพิกัดว่ามาไม่ได้ ซึ่งตอนนี้รู้สึกหนาวสั่น เพราะตอนนี้ยังอยู่ที่เดิม แต่ญาติไปเรียกวิญญาณอีกที่หนึ่ง” โดยที่ตนเป็นพ่อ เห็นลูกตกอยู่ในสถานะแบบนั้น ตนรู้สึกสงสารลูกมาก โดยลูกได้กล่าวประมาณว่า “ขอโทษที่ทำให้น้องแอ๋มเป็นแบบนี้ แต่อยากให้น้องช่วยหนู” โดยพูดไทยปนเขมรท้องถิ่น ซึ่งลูกสาวตนปกติไม่สามารถสื่อสารภาษาเขมรรู้เรื่อง พูดได้แค่บางคำ
สักพักน้องแอ๋มได้ยื่นมือมาจับตนพร้อมกล่าวคำว่า “ขอโทษพ่อด้วย ขอขมาด้วย ที่ใช้ร่างลูกสาวพ่อมาทำแบบนี้” แล้วน้องแอ๋มก็ได้ชี้นิ้วเรียกเพื่อนของมาร์คมารวมกัน ซึ่งจริงๆ น้องแอ๋มไม่รู้จักแม้แต่คนเดียว ต่างคนต่างร้องไห้ระงม น้องแอ๋มพูด “ขอใช้ร่างเป็นครั้งสุดท้าย” พร้อมระบุว่า “ให้ช่วยหน่อย” แล้วเรียกพี่เขยมาบอกให้รับปากว่า จะช่วย หลังจากวิญญาณออกจากร่างแล้ว ตนก็ได้พาลูกกลับบ้าน ที่ อ.พนมดงรัก ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 40 กิโลเมตร
ในวันถัดมา ทางญาติผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาขอขมาตนที่บ้านเพราะลูกชายที่เสียชีวิตได้ใช้ร่างน้องแอ๋มมาสื่อสาร ซึ่งคืนแรกที่พาลูกสาวกลับมา น้องนอนไม่ได้เลย รุ่งเช้าตนได้พาลูกสาวไปหาหลวงพ่อที่วัดเขาแหลมในเขต อ.พนมดงรัก แต่ลูกสาวก็ยังไม่เหมือนคนเดิมอย่างที่เคยเป็น คล้ายกับสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเวลา มีเหม่อลอย บางทีคุยๆ อยู่จำไม่ได้ก็มี ซึ่งปกติลูกสาวตนเป็นคนว่องไวมาก คล้ายม้าดีดกะโหลก เปรี้ยวตามประสาเด็ก
นายสงบ อายุ 70 ปี ปู่น้องแอ๋ม กล่าวว่า ตนรู้สึกตกใจมาก เพราะทำไมไม่เข้าร่างคนทางนั้น ทำไมต้องมาเข้าร่างหลานตนอยู่นี่ หรือหลานตนจะจิตอ่อนหรือยังไงก็ไม่ทราบ ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ตนเคยเห็นมาครั้งหนึ่งตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ตอนนั้นต้องไปหาอาจารย์มาท่องคาถาเป่าแล้วก็หาย ตอนนี้อายุก็ปาไปตั้ง 70 ปีแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าถามว่าตนเชื่อไหม มีความเชื่อมาแต่โบราณว่า ผีตายโหงจะเข้าได้ทุกคน ไม่เลือกบุคคล คนไหนจิตอ่อนก็เข้าได้ง่าย ซึ่งจากการพาน้องไปหาหลวงพ่อเมื่อวาน พระอาจารย์บอกมาว่า ถึงคราวดวงตกพอดี วิญญาณเลยเข้าร่างได้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น