สมช.ประเมินคนมาม็อบลดลง-“ประวิตร” ถือเป็นสัญญาณที่ดีของรัฐบาล
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รายงานถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎรว่า ขณะนี้จำนวนผู้ชุมนุมเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เข้าร่วมชุมนุมอยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 คน เฉลี่ยอยู่ที่ 12,000 คน/ครั้ง ซึ่ง สมช. ได้สรุปภาพรวมทั้งประเทศในการชุมนุมแบบดาวกระจาย มีผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่เกิน 50,000 คน ซึ่งแบ่งเป็นชุมนุมในพื้นที่ กทม. ประมาณ 17,000 คน โดยจำนวนผู้ชุมนุมเพิ่มสูงขึ้นสูงสุดคือวันที่ 18 ต.ค. เหตุจากที่มีการสลายการชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง เมื่อวันที่ 16 ต.ค. และในต่างจังหวัดมีผู้ชุมนุมประมาณ 33,000 คน และคาดว่าจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมมีแนวโน้มที่จะลดลงเรื่อยๆ
สิ่งที่น่ากังวล คือ การที่กลุ่มปกป้องสถาบัน และกลุ่มราษฎรฝ่ายออกมาชุมนุมพร้อมกันทั้ง 2 ฝ่าย เกรงว่าอาจจะเกิดการปะทะและเผชิญหน้ากัน จึงต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างมาก
วันนี้ (11 พ.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช. ประเมินจำนวนผู้ชุมนุมทั่วประเทศมีมวลชนลดลงถือเป็นสัญญาณที่ดีหรือไม่ ว่า ตนไม่ได้เป็นผู้ประเมินแต่เป็นสมช.เป็นผู้ประเมิน ส่วนจะมีแนวโน้มที่คลี่คลายของสถานการณ์หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ไม่ได้มีการส่งคนไปเจราจา ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของรัฐบาล
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้คุยกับ 25 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้ถอนชื่อหลังร่วมลงชื่อส่งศาลตีความร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตร ระบุเพียงสั้นๆ ว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้บอกอะไรตน