หนุนใช้บัตรเอทีเอ็มชำระค่าสินค้า

หนุนใช้บัตรเอทีเอ็มชำระค่าสินค้า

หนุนใช้บัตรเอทีเอ็มชำระค่าสินค้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ธปท.เร่งพัฒนาระบบชำระเงินหลังพบต้นทุนของไทยยังสูงกว่าต่างประเทศ ขณะที่การลงทุนเอทีเอ็มยังกระจุกตัวในเมือง พร้อมแนะเพิ่มศักยภาพบัตรเอทีเอ็มให้ชำระค่าสินค้าได้ด้วย ด้านนายแบงก์ชี้ปีหน้าเริ่มทำได้

นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ไทยจำเป็นต้องเร่งเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนของระบบการชำระเงินเพราะถือว่ามีต้นทุนสูงกว่าในต่างประเทศที่มีต้นทุนเพียง 3% เนื่องจากไทยยังมีการใช้สื่อกระดาษทั้งเงินสดและเช็คในระดับสูง สถาบันการเงินจึงต้องร่วมพัฒนาโครงสร้างฟื้นฐานและบริการใหม่ๆ ของระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยให้ค่าธรรมเนียมอยู่ในระดับที่จูงใจ ทั้งการดำเนินธุรกรรมผ่านเครื่องเอทีเอ็ม บัตรพลาสติก ข้อมูลการชำระเงิน และค่าธรรมเนียม เนื่องจากการให้บริการเอทีเอ็มแก่ประชาชน ยังมีความซ้ำซ้อนในการลงทุนของธนาคารที่อยู่ตามเมืองใหญ่ ขณะที่ในต่างจังหวัดยังมีปริมาณเครื่องเอทีเอ็มน้อย ทำให้ประชาชนต้องเดินทางไกล ซึ่งจากการสำรวจพบว่าประชากร 9% ยังไม่มีบัญชีเงินฝาก จึงต้องศึกษาถึงความเหมาะสมของการกระจุกตัวและโครงสร้างค่าธรรมเนียมเอทีเอ็มเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขต่อไป

ส่วนบัตรพลาสติกนั้น จะเห็นว่าบัตรเดบิตในไทยช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตสูงถึง 40% แต่ส่วนใหญ่ยังใช้ในการเบิกถอนเงินสด ขณะที่ใช้ชำระค่าสินค้าและบริการมีค่าเฉลี่ยในรอบ 1 ปีไม่ถึง 1 ครั้ง ดังนั้นเห็นว่าการยกระดับบัตรเอทีเอ็มในการซื้อสินค้าแทนเงินสดได้จะเป็นการเพิ่มประโยชน์ โดยที่ธนาคารไม่ต้องพึ่งบริการของผู้ประกอบการบัตรเดบิตต่างประเทศ

ด้านนายธีระ อภัยวงศ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวถึงแนวคิดการใช้บัตรเอทีเอ็มชำระเงินค่าสินค้าและบริการว่าในปีหน้า ก็จะเริ่มใช้กับบัตรเดบิตที่ออกในประเทศก่อน หลังจากนั้น 3 เดือนจึงจะใช้กับเดบิตการ์ดทั้งหมด ส่วนอีก 12 เดือนต่อไปใช้กับบัตรเครดิตของธนาคารพาณิชย์และ 18 เดือนต่อไปจะใช้กับบัตรเครดิตของนอนแบงก์ได้

นายอนุชิต อนุชิตานุกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การใช้บัตรเอทีเอ็มมาซื้อสินค้าและบริการ ทำได้แค่เอาระบบเอทีเอ็มใส่เครื่องรูดบัตรและให้ลูกค้ากดรหัสที่ร้านค้า แต่ต้องมีการแก้ระบบและกฎเกณฑ์บางข้อก่อน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook