ปากคำ เจ๊ฉอด วันนี้ยังห่วง เอส
เปิดใจหลังให้สัมภาษณ์ถึงเอส ย้ำชีวิตมีแต่เรื่องงานให้คิด ชีวิตไม่ได้มีแค่สถานภาพเดียว
ที่งานซ้อมใหญ่กรีนคอนเสิร์ต เจ๊ฉอด สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจ กรณีความสัมพันธ์กับ เอส-วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย โดยเจ๊ฉอดได้เปิดใจว่า "กลับมาเมืองนอกก็งงอยู่มีน้องมาบอกที่พี่ให้สัมภาษณ์ในหนังสือ Lips เพิ่งกลับมาก็งงๆ ปกติแล้วการให้สัมภาษณ์แต่ละครั้งขึ้นอยู่กับว่าหนังสือจะตัดทอนส่วนไหนมาลง ไม่ได้หมายความว่าพี่จะโทษน้องๆที่ Lips นะคะ แต่ PR. โทรมาบอกถึงทราบ อาจจะมีความผิดพลาดในความเข้าใจในการสื่อความหมาย คือในนั้นพี่จะอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ แต่ในหนังสือจับประเด็นว่า พี่พูดถึงคุณเอสว่าเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิต
น้องที่สัมภาษณ์ถามถึงประเด็นที่ว่า คุณเอสเข้ามาในชีวิตพี่เพื่อหาผลประโยชน์อะไร แต่ในความเป็นจริงเค้าไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากพี่เลย เค้าต่างหากเป็นฝ่ายเสียหาย พี่จะเป็นคนที่มีแต่คนเข้ามาหาและเอสก็เป็นคนดีคนหนึ่ง ที่อยู่รอบตัวพี่แต่เค้าจับมาแค่ประโยคเดียว
ตอนนี้พี่ไม่คิดค่ะ ที่ผ่านมาตั้งใจว่าจะไม่มีใครอีก พี่ทำงานวันหนึ่ง 22 ชม. มีความสุขกับงาน ไม่มีอะไรจะยังไงกับชีวิต เรื่องที่เกิดบางเรื่องพี่ไม่ค่อยอยากพูด เพราะเรามั่นใจในสิ่งที่ทำอยู่ ครั้งนี้ที่ออกมาก็เพื่อที่จะอธิบายซ้ำอีกที ชีวิตพี่ไม่มีเวลามากดดันอะไรนอกจากเรื่องงาน
กับผลกระทบในงานที่เอสต้องดูแล คุณเอสไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษในการทำงาน และเค้าได้ใช้ความสามารถเค้าเองในการแสดงให้ทุกคนเห็นว่าทำงานได้หรือไม่ โดยส่วนตัวพี่ทำอะไรผิดปกติไม่ได้ เพราะพี่จะอาย พี่ไม่ได้เป็นห่วงตัวเองแต่เป็นห่วงคุณเอส พี่พยายามออกมาแก้แทนเค้าแล้ว แต่ก็แย่ไปกันใหญ่ พี่พยายามไม่ปฎิเสธหรือพูดอะไร พูดง่ายๆคือพี่ไม่ชอบโกหก เพราะพี่ขี้ลืม โกหกไปแล้วจะจำอะไรไม่ได้
ส่วนสถานภาพพี่กับเอส ที่เห็นคือเจ้านายกับลูกน้อง แต่ทำไมทุกคนต้องคิดไปประเด็นเดียวว่าเป็นแฟนกันหรือเปล่า พี่ไม่เข้าใจว่าในชีวิตของคนเราทำไมต้องมีสถานภาพเดียว ยืนยันว่าพี่ไม่ได้อยากมีแฟนตอนนี้ ไม่น่ามีประเด็นอะไรอีกแล้วนะ พี่เคลียร์แล้วแต่น้องๆเคลียร์รึเปล่า ถ้าพี่ทำอะไรให้ใครเข้าใจผิด พี่ก็ขอโทษด้วยแล้วกัน"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง นางเอกคู่กรณี เจ๊ฉอดกล่าวเพียงสั้นๆว่า"ไม่ขอพูดถึง เพราะไม่อยากโยงให้เป็นประเด็นอีก"
เมื่อถามถึง เจนนิเฟอร์ คิ้ม ที่ได้แยกตัวออกไปเปิดบริษัทจัดงานคอนเสิร์ตเป็นของตัวเอง เป็นเรื่องธรรมดา พี่ไม่เคยคิดว่าพี่เป็นคนปั้นใคร หรือใครโทรมาจากเรา เมื่อเค้าโตได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี
