ตู้ฮัลโหลมหาภัย ไฟชอร์ต! สาวช็อก-ส่งไอซียู

ตู้ฮัลโหลมหาภัย ไฟชอร์ต! สาวช็อก-ส่งไอซียู

ตู้ฮัลโหลมหาภัย ไฟชอร์ต! สาวช็อก-ส่งไอซียู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตู้โทรศัพท์มหาภัย! สาว 15 เข้าไปเติมเงินโทรศัพท์มือถือ จู่ๆ เกิดไฟชอร์ตถึงช็อกแน่นิ่งไปหลายนาทีหวิดดับสยอง แม่รีบพาส่งร.พ.แพทย์ส่งเข้าไอซียูทันทีปั๊มหัวใจตลอดคืน เพราะหัวใจเต้นช้า หวั่นออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่ทัน เผยหลังเกิดเหตุตัวแทนบริษัท ทรู รุดเจรจา ยินยอมจ่ายค่าทำขวัญแค่ 5 พันบาท อ้างระบบเติมเงินโทรศัพท์ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า แม่ร้องสื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพราะหมดค่ารักษาลูกไปนับแสนแล้ว

เมื่อ เวลา 14.00 น. วันที่ 25 ก.ย. นางชลลดา ธนารีย์ฐิติชญา อยู่บ้านเลขที่ 21/943 ซ.อินทปัท ถ.เพชรเกษม 69 แขวงและเขตบางแค กทม. พาลูกสาว คือ น.ส.มุขสุดา จันทร์ศรัทธาวุฒิ หรือน้องมุข อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นม.5/3 โรงเรียนราชวินิตบางแคปานขำ เข้าร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ค. เวลา 19.30 น. ที่ผ่านมา ลูกสาวไปใช้บริการเติมเงินจากตู้โทรศัพท์ของบริษัททรูและถูกไฟฟ้าชอร์ตได้ รับบาดเจ็บจนต้องเข้ารักษาที่ห้องไอซียู ร.พ.นครธน แต่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากทางบริษัท

นางชลลดา กล่าวว่า มีอาชีพขายน้ำสมุนไพรอยู่หน้าปากซอยเพชรเกษม 55/1 ค่ำวันเกิดเหตุ น้องมุขไปใช้บริการตู้โทรศัพท์สาธารณะของบริษัททรู บริเวณหน้าร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาพุทธมณฑลสาย 2 แขวงและเขตบางแค กทม. เพื่อจะเติมเงินโทรศัพท์มือถือ ซึ่งขณะลูกสาวทำรายการอยู่นั้น ถูกกระแสไฟฟ้าชอร์ตอย่างแรงและร้องกรี๊ดเสียงดังมาก จนคนบริเวณดังกล่าวตกใจพากันวิ่งไปดู พบว่าน้องมุขยืนแน่นิ่งพูดไม่ได้ เหมือนคนเป็นอัมพาตไปทั้งตัว อีกไม่กี่นาทีก็เริ่มขยับตัวได้ บอกว่า ถูกไฟฟ้าจากตู้โทรศัพท์ชอร์ตที่แขนข้างซ้าย

นางชลลดา เผยต่อว่า หลังเกิดเหตุลูกสาวมีอาการอ่อนเพลียแทบยืนไม่อยู่ จึงพาไปหาหมอที่ร.พ.นครธน แพทย์ดูอาการแล้วรีบพาเข้ารักษาในห้องไอซียูทันที โดยแพทย์บอกตนว่า ลูกสาวถูกไฟฟ้าชอร์ต ต้องปั๊มหัวใจตลอดคืนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากว่าหัวใจคนไข้เต้นช้ามาก เกรงว่าออกซิเจนจะไปเลี้ยงสมองไม่ทัน อาจเกิดอันตรายได้ โดยนอนรักษาอยู่โรงพยาบาล 2 วันก็กลับมารักษาต่อที่บ้าน แต่ก็ยังไม่หายดี ต้องเข้าออกโรงพยาบาลหลายครั้ง เสียค่ารักษาไปเกือบ 1 แสนบาทแล้ว โดยที่ผ่านมาลูกสาวเป็นเด็กเรียนดีมาตลอด จนสอบได้ที่ 1 ด้านภาษาไทยระดับกทม. แต่ทุกวันนี้กลายเป็นคนขี้หลงขี้ลืม ร่างกายอ่อนแอ แพทย์บอกว่า โชคดีมากที่รอดมาได้

แม่น้องมุข เผยอีกว่า หลังเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่บริษัททรูมาพบตนที่โรงพยาบาล แต่บอกเพียงว่าจะแจ้งทางบริษัททราบเพื่อชดเชยค่ารักษา แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไป ซึ่งตนก็ได้แจ้งความกับร.ต.ท.ธีรเดช กาญวิจิตร ร้อยเวรสน.เพชร เกษมไว้แล้ว โดยหลังจากนั้นก็ได้มีเจ้าหน้าที่ของทรู โทร.มาหาบอกอีกว่า จะชดเชยค่าเสียหายให้ 5,000 บาท และน้ำเสียงในการพูดจาแย่มากๆ คล้ายจะข่มขู่ โดยอ้างว่า เป็นตำรวจระดับนายพล.ท.แต่ตนไม่ยอมรับค่าเสียหายดังกล่าว และทุกวันนี้มีเจ้าหน้าที่ของทรูได้นัดไกล่เกลี่ย ยืนยันจะจ่ายค่าทดแทนให้เพียง 5,000 บาทเท่านั้น

"ดิฉันถามกลับไป ว่า ชีวิตของลูกดิฉันมีค่าเพียง 5 พันบาทเท่านั้นหรือ แล้วถ้าเป็นลูกหลานคุณล่ะ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าหน้าที่ของทรูมาก โดยทางนั้นบอกว่า ถ้าไม่เอา จะไปดำเนินเรื่องยังไงก็เรื่องของคุณ เราจะจ่ายแค่ 5 พันเท่านั้นก่อนเดินทางกลับไป ดิฉันเสียความรู้สึกกับการกระทำของพนักงานบริษัททรูมาก" แม่น้องมุข กล่าวและว่า ตู้โทรศัพท์ดังกล่าวเคยมีคนถูกไฟฟ้าชอร์ตมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีการแจ้งความเพราะโดนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หลังจากลูกตนโดน จึงได้ไปตรวจดูที่ตู้โทรศัพท์พบว่าไม่มีการต่อสายดิน แต่หลังจากนั้นไม่นานทางเจ้าหน้าที่ก็รีบมาเดินสายดินกลบเกลื่อนทันที

ด้านน้องมุข กล่าวว่า ช่วงนี้เข้า-ออกโรงพยาบาลบ่อยมาก เพราะอาการยังไม่ดีขึ้น ทางด้านซ้ายซึ่งเป็นด้านที่โดนไฟชอร์ตยังรู้สึกอ่อนแรง บางครั้งก็รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นช้า จนแทบยืนไม่อยู่ บางครั้งก็กลายเป็นคนขี้หลงขี้ลืม เดิมเคยเป็นคนชอบวิ่งออกกำลังกาย แต่ตอนนี้วิ่งไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องหัวใจ ตอนนี้สงสารแม่มาก เพราะจ่ายค่ารักษาพยาบาลตนไปเป็นเงินจำนวนมาก และที่เราออกมาเรียกร้องครั้งนี้ ก็แค่ต้องการความเป็นธรรมเท่านั้น

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวตรวจสอบไปยังบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับการชี้แจงว่า ขอตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นสาเหตุไฟดูดเกิดจากสายไฟฟ้าที่มาจากเต้าเสียบปลั๊กตู้โทรศัพท์ ไม่ใช่เครื่องเติมเงิน เนื่องจากเครื่องเติมเงินไม่ได้ใช้ไฟฟ้า แต่ใช้งานผ่านสายโทรศัพท์ และในวันที่เกิดเหตุวันนั้นฝนตก ทำให้เกิดอันตรายต่อลูกค้าขึ้น โดยบริษัทได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับทางการไฟฟ้าฯ แล้ว มีหลักฐานเป็นภาพถ่ายอย่างชัดเจนว่า สาเหตุของไฟดูดเกิดจากสายไฟฟ้า ไม่ใช่สายโทรศัพท์ที่ผ่านทางเครื่องเติมเงิน ส่วนจำนวนเงิน 5,000 บาท ที่บริษัทจ่ายให้กับลูกค้าเป็นค่าทำขวัญ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วบริษัทไม่ต้องจ่ายก็ได้ เพราะจากหลักฐานแล้วไม่ใช่ความผิดของบริษัท อย่างไรก็ตามทางผู้บริหารของบริษัทพร้อมจะชี้แจงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นโดย ละเอียดอีกครั้งพร้อมหลักฐาน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook