ไทยร่วม 14 ชาติอาร์เซ็ป ลงนามสัญญาค้าเสรีใหญ่สุดในโลก รวม 30% จีดีพีโลก

นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงนามร่วมตั้งเขตการค้าเสรีกับอีก 14 ชาติในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่เป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป)

การลงนามดังกล่าวของนายจุรินทร์ มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นสักขีพยาน

สนธิสัญญาการค้าเสรีนี้เป็นเป็นสัญญาที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญญาหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยครอบคลุมประเทศที่มีประชากรรวมกันถึง 2,200 ล้านคน และมีเศรษฐกิจใหญ่คิดเป็นสัดส่วน 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของโลก

การลงนามของกลุ่มประเทศอาร์เซ็ปนี้กว่าจะเกิดขึ้นได้ ต้องใช้เวลาเจรจานานถึง 8 ปี

นอกจากไทยและประเทศสมาชิกประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) รวม 10 ประเทศแล้ว ยังมีอีก 5 ประเทศที่ลงนาม คือ เกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย

สนธิสัญญานี้จะเป็นการตั้งข้อกำหนดการค้าในหมวดสินค้าและบริการ การลงทุนข้ามประเทศ การสร้างกฎเกณฑ์ใหม่ๆ ในสิ่งที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ อาทิ การค้าออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ) และทรัพย์สินทางปัญญา

ไม่ใชแ่ค่นั้น บรรดาผู้นำประเทศในกลุ่มอาร์เซ็ปยังกล่าวว่าสัญญาการค้าฉบับนี้จะมีส่วนสำคัญต่อแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อีกด้วย

"สนธิสัญญาฉบับนี้แสดงถึงความตั้งใจจริงในการช่วยพื้นฟูเศรษฐกิจ การพัฒนาร่วมกัน การสร้างงาน และเสริมสร้างซัปพลายเชน (ห่วงโซ่อุปทาน) ระดับภูมิภาค และสนับสนุนความตกลงด้านการค้าและการลงทุนที่เปิดกว้าง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมีกฎเกณฑ์ที่เชื่อถือได้" แถลงการณ์ร่วมของผู้นำชาติอาร์เซ็ป ระบุ

อย่างไรก็ตาม สนธิสัญญานี้เดิมทีจะครอบคลุมประชากรอีก 1,400 ล้านคน ถ้าหากอินเดียไม่ถอนตัวออกไปเสียก่อนเมื่อปีที่แล้ว เพราะอินเดียกังวลว่าถ้าเข้าร่วมสัญญานี้อาจจะปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศและภาคการเกษตรให้ต่อสู้กับต่างชาติไม่ไหว